แม้ อันเดรีย โดวิซิโอโซ จะรั้งอันดับ 2 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ ของ โมโตจีพี ณ ปัจจุบัน แต่ผลงานในสนามของทั้ง ฮอนด้า ที่แรงสุดๆ ในชั่วโมงนี้ รวมถึง ยามาฮ่า และ ซูซูกิ ที่พัฒนาขึ้นมาจนรถแข่ง จีพี19 ของ ดูคาติ ไม่มีทางสู้ได้เลยใน 3 สนามล่าสุด บ่งบอกได้ถึงปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกเขา

“ดูคาติ จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ใหม่เพื่ออนาคต” โดวิซิโอโซ เปิดเผยด้วยความกังวล

โดวิซิโอโซ สีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา

โดวิซิโอโซ ออกมาเรียกร้องให้ต้นสังกัดของพวกเขา ทบทวนถึงปัญหาระยะยาว ซึ่งเป็นเรื่อง DNA ของรถแข่งของพวกเขา ว่าควรจะมีทิศทางที่ดีขึ้น มากกว่าการโฟกัสเพียงระยะสั้นอย่างเช่นที่ทำอยู่ในตอนนี้

นักบิดอิตาเลียนอธิบายว่า ดูคาติ ไม่ได้สัมผัสโพเดี้ยมมาแล้ว 3 สนามติดต่อกัน โดยนับเป็นช่วงเวลาแห่ง “วิกฤติ” ซึ่งล่าสุดเขาทำได้ดีที่สุดเพียงคว้าอันดับ 5 จากการออกสตาร์ทในกริดที่ 13 ในศึก เยอรมัน กรังด์ปรีซ์ แถมโดน มาร์ค มาร์เกซ ทิ้งห่างไปไกล

ชัยชนะครั้งเดียวของ โดวิซิโอโซ คือการบดเอาชนะ มาร์เกซ ในสนามแรกที่ กาตาร์

ความพยายามของ โดวิซิโอโซ ที่สะท้อนไปถึงต้นสังกัด คือปัญหาในการพลิกรถ ซึ่งพวกเขามรีปัญหาอย่างมากที่ แอสเซ่น และ ซัคเซนริง และนั่นเป็น “จุดอ่อน” ที่ทำให้พ่ายแพ้ต่อ มาเวริค บีญาเลส จาก ยามาฮ่า และ อเล็กซ์ รินส์ ที่มีขีดการต่อสู้ที่เหนือกว่า

โดวิซิโอโซ ที่ตามหลัง มาร์เกซ ในการลุ้นแชมป์โลกฤดูกาล 2019 ถึง 58 คะแนน มองว่าโอกาสไล่ตามนักบิดสแปนิชนั้นแทบเป็ยไปไม่ได้เลย พร้อมกับย้ำว่า “ดูคาติ” จำเป็นต้องวางกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อ “อนาคต” มากกว่าการมองสั้นๆ ในการพัฒนารถแข่ง เดสโมเซดิซี

“มันเป็นสุดสัปดาห์ที่ยากลำบากสำหรับเรา” เขาเกริ่น

“การแข่งขันมักแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา ในการซ้อมคุณอาจเห็นนักบิดบางคนมีความเร็ว แต่ เรซ ก็คือ เรซ มันบ่งบอกทุกอย่างที่คุณต้องกลับไปทำการบ้าน”

“ท้ายที่สุด ผม และ ดานิโล (เปตรุชชี่) ต้องมีไล่บี้กันเองเพื่อชิงอันดับ 4 เราโชคดีเพราะนักบิดที่เร็วมากๆ 2 คน พลาดล้มไป แต่นั่นคือสิ่งที่เราทำได้อย่างเต็มที่แล้ว”

“มันคือสิ่งดีสำหรับนักบิดหลายคน (หากมองถึงอันดับ) แต่สำหรับเรานั้น เราไม่มีความเร็วที่เราต้องมีเลย ระยะห่างมันมากจนเกินรับได้”

“เรารู้ดีว่า ซัคเซนริง คือสนามที่แย่สำหรับรถแข่งของเรา แต่ แอสเซ่น ก็คล้ายคลึงกันมาก”

รองจ่าฝูงชาวอิตาเลียนเผยถึงการลุ้นแชมป์โลกในปี 2019 ว่า

“ไม่ต้องไปพูดถึงการลุ้นแชมป์โลกเลย เพราะ มาร์ค ก้าวไปสู่คนละระดับกับเรา เผมหมายถึงทั้งตัวเขา และ ฮอนด้า นอกจากนี้ยังมีนักบิดคนอื่นๆ ที่เร็วมากเช่นกัน เร็วกว่าเรา”

“มันไม่ดีเอาเสียเลย กับสถานการณ์ตอนนี้”

 การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ ซูซูกิ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนหลังจากพวกเขาส่ง แชสซีส์ ใหม่ให้ รินส์ และ โจอัน เมียร์ ลงบิดนับตั้งแต่ที่ แอสเซ่น จนคู่หูสแปนิชมีขีดการต่อสู้ (Race Pace) ขึ้นมาเทียบเท่า หรือแทบจะเหนือกว่า ยามาฮ่า เสียด้วยซ้ำ

หนึ่งในความโชคร้ายของ โดวิซิโอโซ คือการโดนชนล้มโดยอดีตทีมเมทอย่าง ลอเรนโซ ที่ บาร์เซโลน่า

ทว่าหลังผ่านการแข่งขันที่ บาร์เซโลน่า และการทดสอบในวันจันทร์ที่นั่น บีญาเลส เป็นอีกคนที่หา “บางอย่าง” ที่ยิ่งใหญ่เจอ มันทำให้เขาและ M1 ขยับขึ้นมาคว้าแชมป์แรกของฤดูกาลได้ที่ แอสเซ่น

“ผมแทบไม่แปลกใจอะไรเลย เพราะขีดจำกัดของเรานั้นมีอยู่เหมือนเดิม ดูคาติ ทำงานกันอย่างหนัก พวกเขาไม่เคยหยุดพัก นับจาก 2 ปีที่ผ่านมา ผมอยู่กับพวกเขาทุกขั้นตอน และพวกเขาก็ทุ่มเทกันได้อย่างยอดเยี่ยม”

“แต่ผมคิดว่าเรามาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยน เราต้องหาจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับ เดสโมเซดิซี นั่นคือการโฟกัสที่ ดีเอ็นเอ สำหรับการแข่งขัน การพัฒนาเรื่องการเข้าโค้ง จะเป็นกุญแจสำคัญของ ดูคาติ ในอนาคต เพราะเราทำได้ดีในจุดอื่นๆ แล้ว”

โมโตจีพี เดินทางมาถึงครึ่งฤดูกาล หลังจากผ่านการแข่งขันขันสนาม 9 ที่ ซัคเซนริง ประเทศเยอรมนี จากนั้นจะพักกันร่วม 1 เดือน และกลับมาแข่งขันสนาม 10 ต้นเดือนสิงหาคมนี้ ในศึก เช็ก กรังด์ปรีซ์

แม้ว่าบรรดานักบิดตัวหลักของทีมจะได้ปิดเทอมเล็ก ทว่านักบิดทดสอบ และทีมงานทั้งวิศวกร หัวหน้าช่าง ยังมีงานหนักต้องทำกันต่อในการทดสอบ…

ต้องติดตามกันว่า “ดูคาติ” จะสามารถคัมแบ็กสู่แถวหน้าได้อีกครั้งหรือไม่? หรือจะยิ่งโดน ฮอนด้า ทิ้งห่าง ออกไปอีก… ขณะเดียวกันพวกเขายังมีเสี้ยนหนามสำคัญอย่าง ยามาฮ่า และ ซูซูกิ ที่ขยับแซงหน้าขึ้นไปแล้วด้วย…

ชัยชนะอีกครั้งของ ดูคาติ คือการเข้าวินครั้งแรกของ ดานิโล เปตรุชชี ที่ อิตาลี