ชีวิตสุดผกผันของ “โยฮันน์ ซาร์โก” นักบิดเลือดน้ำหอม นับเป็นประเด็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” มากที่สุดในเวลานี้ จากแชมป์โลกโมโตทู 2 สมัย ก่อนขึ้นมาเขย่าเวทีพรีเมียร์คลาสกับ “มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เทคทรี” จนถูกจับตามองว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของ “วาเลนติโน รอสซี่” ทว่าการย้ายไปอยู่กับทีมโรงงาน “เคทีเอ็ม” กลับกลายเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตนักบิดของเขา…

ซาร์โก ออกสตาร์ทชีวิตการเป็นนักบิดในเวิลด์จีพี ด้วยการแจ้งเกิดในคลาส 125 ซีซี ในปี 2009 กับ WTR San Marino Team ก่อนจะมาเฉิดฉายได้ในปี 2011 ด้วยการคว้ารองแชมป์โลกในของคลาสจูเนียร์ โดยสามารถเก็บไปได้ทั้งสิ้น 262 คะแนนกับสังกัด เอโย มอเตอร์สปอร์ต

จากนั้น นักบิดเฟรนช์ ถูกดึงขึ้นไปบิดใน โมโตทู ในฤดูกาล 2012 ร่วมกับ เจไออาร์ ทีม พร้อมกับคว้าอันดับ 10 บนตารางแชมเปี้ยนชิพเมื่อจบปีแรกที่ขยับขึ้นมาในคลาสกลาง แต่ ซาร์โก ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี ก่อนที่เขาจะเฉิดฉายใน โมโตทู ได้สำเร็จ

โดยในปี 2015 ซาร์โก ย้ายไปร่วมทีมกับ อาโย มอเตอร์สปอร์ต อีกครั้ง และในปีนี้เองที่เขากลายเป็นนักบิดที่สร้างชื่อ “จอมตีลังกา” ด้วยการคว้าแชมป์โลก โมโตทู สมัยแรกให้กับตนเองได้สำเร็จ จากการคว้าชัยชนะ 8 สนาม โพเดี้ยม 14 ครั้ง และคว้าโพลได้อีก 7 ครั้ง สร้างสถิติเก็บคะแนนได้สูงถึง 352 คะแนน ในฤดูกาลเดียว

ซาร์โก ยังคงอยู่สร้างความสำเร็จร่วมอับ เอโย มอเตอร์สปอร์ต ในโมโตทู อีกครั้ง และในปี 2016 เขาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ติดต่อกันได้สำเร็จ จากการคว้าแชมป์ 7 สนาม โพเดี้ยม 10 ครั้ง และโพล 7 ครั้ง เก็บไป 276 คะแนน ส่งผลให้ “จอมตีลังกา” กลายเป็นนักบิดขวัญใจแฟนๆ ไปโดยปริยาย

ความเนื้อหอมของ ซาร์โก ไปเตะจมูก “เทคทรี” ยอดทีมแข่งในพรีเมียร์คลาส โดยนักบิดเลือดน้ำหอมตกลงปลงใจเซ็นสัญญา 2 ปี ขยับขึ้นมาบิดใน โมโตจีพี ร่วมกับทีมแซ็ตเทิลไลต์ของ ยามาฮ่า ในปี 2017

ซาร์โก เปิดตัวด้วยความร้อนแรง เขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการออกนำในการแข่งขันสนามแรกในชีวิตที่บิด พรีเมียร์คลาส เหนือคู่แข่งถึง 2 วินาที ใน กาตาร์ กรังด์ปรีซ์ ก่อนจะพลาดล้มไปอย่างน่าเสียดายในรอบที่ 6

จากนั้น ซาร์โก ก็สามารถขึ้นโพเดี้ยมแรกในพรีเมียร์คลาสในชีวิตได้สำเร็จ จากการคว้าอันดับ 2 ที่ เลอ มองส์ ซึ่งเป็นโฮมเรซของเขาเอง และที่ เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ นี่เอง ที่ทำให้เขาโด่งดังสุดขีด จนถูกมองว่าเป็น “โกลเด้น บอย” ในศึก โมโตจีพี

ซาร์โก ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาคว้าโพลครั้งแรกในพรีเมียร์คลาสในศึก ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ ที่ แอสเซ่น แต่น่าเสียดายจากการสัมผัสกันกับ วาเลนติโน รอสซี่ ทำให้ร่วงลงไปอยู่อันดับ 4 ก่อนจะจบเรซอันดับ อย่างน่าเสียดาย

โดยในปี 2017 ซาร์โก เก็บได้อีก 2 โพเดี้ยม จากอันดับ 3 ที่ เซปังฯ และอันดับ 2 ที่ บาเลนเซีย นับเป็นการเปิดตัวได้อย่างสวยหรู ด้วยการคว้าตำแหน่ง “รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์” และจบฤดูกาลแรกด้วยอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ แถมเป็นนักบิดจากทีมอิสระที่ทำคะแนนได้สูงสุดด้วย

ในปี 2018 ซาร์โก ยังคงถูกจับตามองอย่างมาก ซาร์โก ขึ้นมาป้วนเปี้ยนในแถวหน้าบ่อยครั้ง เขาจบอันดับ 2 ที่ อาร์เจนติน่า และ เฆเรซ เก็บโพเดี้ยมได้ 3 ครั้ง อีกครั้งคือการคว้าอันดับ 3 ที่ มาเลเซีย จบฤดูกาลที่ 2 ในพรีเมียร์คลาสด้วยอันดับ 6 เช่นเคย เก็บไปทั้งสิ้น 158 คะแนน

ฤดูกาล 2018 นับเป็น “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ของ ซาร์โก อย่างแท้จริง… เพราะนับเป็นช่วงตลาดซื้อขายนักบิดนั้นเข้มข้นอย่างมาก นักบิดทุกทีมหมดสัญญา…

ซาร์โก ตั้งความหวังไว้สูงอย่างมาก เขาต้องการบิดให้กับทีมโรงงานยามาฮ่า ทว่า “รอสซี่” ยังคงได้รับความไว้วางใจอยู่กับทีมต่อ เช่นเดียวกับ มาเวริค บีญาเลส 

ขณะที่ เทคทรี ประกาศแยกทางกับ ยามาฮ่า และก้าวไปจับมือกับ เคทีเอ็ม… อันเป็นสะพานเชื่อมโยง ซาร์โก ไปสู่ทีมโรงงาน เคทีเอ็ม ที่มองหานักบิดระดับท็อปมายกระดับผลงานของทีม รวมถึงการพัฒนารถแข่งของพวกเขา ในการคัมแบ็กสู่ โมโตจีพี อีกครั้ง

สื่อมวลชนและแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก คาดหวังจะได้เห็น ซาร์โก แจ้งเกิดกับ เคทีเอ็ม เพราะนี่จะเป็นสัญญาณใหม่ที่ดีของ โมโตจีพี ที่จะได้เห็นทีมโรงงานอีกทีม ที่ก้าวขึ้นมาต่อกรกับ ฮอนด้า, ยามาฮ่า และ ดูคาติ

แต่ ซาร์โก ไม่รู้เลยว่า “ฝันร้าย” รอเขาอยู่ที่ “เคทีเอ็ม”…

เฟรนช์แมน ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ RC16 ได้เลยแม้แต่น้อย เขาเรียกร้องให้ทีมโรงงานสัญชาติออสเตรียน ปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ใจความหลักอยู่ที่ แชสซีส์ ซึ่ง ซาร์โก โอดครวญว่ามัน แข็งกระด้าง และไม่ยึดเกาะแทร็กเอาเสียเลย

ซาร์โก บอกว่าเข้าต้องใช้พลังงานมหาศาลในการควบคุมรถแข่ง RC16 และกว่าจะเจอเวลาที่เร็ว เวลาที่ดี เขาก็หมดแรงเสียก่อน…

ซาร์โก ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับ RC16 ได้เลยแม้แต่น้อย ขณะที่ชีวิตส่วนตัวของเขาก็เจอวิกฤติเช่นกัน ซึ่งนักบิดฝรั่งเศสได้แยกทางกับผู้จัดการส่วนตัวหลังผ่านการแข่งขันไป 5 สนาม เขาต้องการกลับมาเริ่มต้นใหม่ให้ดีอีกครั้งกับ เคทีเอ็ม

พิต เบียเรอร์ ทีมบอสของ เคทีเอ็ม ก็เชื่อมั่นว่า ซาร์โก เป็นนักบิดที่ดี และจะสามารถปรับตัวได้กับ เคทีเอ็มพร้อมกับเชื่อว่านักบิดฝรั่งเศส ยังยึดติดกับการบิด ยามาฮ่า

เคทีเอ็ม ต่อต้านข้อเรียกร้องของนักบิดเฟรนช์แบบหัวชนฝา พวกเขายึดแนวทาง แชสซีส์เหล็กท่อแบบถัก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกเขา และยังคงเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาให้ RC16 นั้นขึ้นมาอยู่ระดับท็อปของ โมโตจีพี ได้ โดยไม่เปลี่ยนไปใช้ เฟรมอลูมิเนียม หรือ คาร์บอน ไฟเบอร์

เบียเรอร์ ยังคงย้ำเสมอว่า ซาร์โก พยายามเปลี่ยนให้ เคทีเอ็ม เป็นเหมือน ยามาฮ่า ขณะที่นักบิดฝรั่งเศสยืนกรานว่า ความตั้งใจของเขาคือการทำให้ เคทีเอ็ม เป็นรถแข่งที่ดี

แต่… ทั้งคู่ไม่สามารถเดินด้วยกันได้เลย ซาร์โก มีแววตาเศร้า และหวาดกลัวตลอดเวลา เขาไม่มีความสุขแม้แต่น้อยกับการบิดให้กับ เคทีเอ็ม 

ซาร์โก ทำผลงานได้ดีที่สุดเพียงการคว้าอันดับ 10 ใน คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ และกริดที่ดีที่สุดคือ กริดอันดับ 3 ใน เช็ก กรังด์ปรีซ์ แต่เอาเข้าจริงๆ ใน เรซเดย์ เขากลับทำได้ดีที่สุดเพียงอันดับ 14

นี่คือ ชนวนเหตุให้ ซาร์โก ตัดสินใจประกาศแยกทางกับต้นสังกัด และทั้งคู่ก็ “แมน-แมน” แยกก็แยก ตกลงกันด้วยดี จบปี 2019 ต่างคนต่างไป…

ในทางกลับกัน โปล เอสปาร์กาโร นักบิดสแปนิชทีมเมทของ ซาร์โก กลับทำผลงานได้ดีในหลายสนาม เขาจบท็อปเท็นแทบทุกเรซ และล่าสุดสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการคว้ากริดที่ 2 ใน มิซาโน ได้ออกสตาร์ทจากแถวแรกซึ่งเป็นกริดที่ดีที่สุดของ เคทีเอ็ม นับตั้งแต่ก้าวสู่ พรีเมียร์คลาส

ใครจะไปเชื่อ ว่า “โกลเด้นบอย” อย่าง ซาร์โก จะมาตกอับได้ถึงเพียงนี้ จากปีที่ยอดเยี่ยมกับ “ยามาฮ่า” ฉไน มาตกม้า “พยศ” ตายอย่างไม่เป็นท่าที่ “เคทีเอ็ม”

รู้ไหมครับ… เรปโซล ฮอนด้า ที่ดูแลทีมโดย อัลเบอร์โต พูอิก เคยทาบทาม ซาร์โก ให้มาอยู่กับทีม เพื่อช่วยกันพา RC213V ทะยานสู่แชมป์โลกด้วยกันกับ มาร์ค มาร์เกซ แต่ด้วยความกลับกลอกของ ผู้จัดการส่วนตัวของ ซาร์โก ในตอนนั้น ทำให้นักบิดฝรั่งเศสตัดสินใจย้ายซบ เคทีเอ็ม ในที่สุด

พูอิก กล่าวว่า ซาร์โก เดินมาบอกกับตัวเขาว่า ขอโทษ และเสียใจจริงๆ ที่ไม่ตอบรับข้อตกลงของ เรปโซล ฮอนด้า ในขณะนั้น… ถึงขนาดที่ พูอิก บอกว่าเสียดายที่ต้องเห็นนักบิดพรสวรรค์สูงอย่างเขา ต้องเจอจุดเปลี่ยนชีวิตเช่นนี้…

ซาร์โก อาจนึกย้อนไปว่า “ทำไมไม่เซ็นกับ ฮอนด้า ในตอนนั้น” ซึ่งนั่นอาจเป็นความผิดหวังที่ฝังอยู่ในใจของเขามาตลอด และการอกหักจากทีมโรงงานของ “ยามาฮ่า” ก็เป็นสาเหตุหนึ่งให้นักบิดวัย 29 ปี ต้องตัดสินใจในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่ขาดการสนับสนุนที่ดีจาก “ผู้จัดการส่วนตัว” ซึ่งมารู้ภายหลังปิดบังข้อเสนอหลายๆ อย่างจากทีมใหญ่ที่ ซาร์โก ควรจะได้รับ…

ความตกต่ำของ ซาร์โก ยังไม่จบเพียงการยกเลิกสัญญากับ เคทีเอ็ม ก่อนกำหนด แต่ล่าสุด เขาโดนทีมลอยแพอย่างชัดเจน ด้วยการตัดสินใจดร็อปจากทีมหลัก และดึงตัว “มิก้า คาลลิโอ” นักบิดทดสอบขึ้นมาบิดแทนในช่วง 6 สนามที่เหลือของฤดูกาลนี้

“อาชีพนักบิดของผมจะไม่จบลงที่ นักบิดทดสอบ แน่นอน” นี่คือการออกมาเปิดเผยของ ซาร์โก ในช่วง 1 เดือนก่อนหน้านี้…

เส้นทางของ ซาร์โก ยังไม่มีความชัดเจนในปี 2020… ฝันร้ายของเขากับ เคทีเอ็ม มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย แต่ชีวิต “นักกีฬาอาชีพ” ก็เป็นเช่นนี้… การตัดสินใจผิดเพียงครั้งเดียว ย่อมมาซึ่งความเสียหายครั้งใหญ่

ไม่ว่า ซาร์โก จะเลือกทางไหนในปี 2020 เชื่อว่าแฟนๆ จะยังคงอยากเห็นเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่ออยู่บนรถแข่ง เพราะมันเปรียบเหมือน “นักดนตรี นู-เมทัล” โยกหัวละเลงนิ้วมือลงบนสายกีฬาอย่างเมามันส์ โดยที่ไม่สนใจว่าท้ายที่สุดแล้ว เขาอาจเล่นไม่จบเพลง และถ้าเพลงนั้นจบ เขาก็จะได้ใจแฟนๆ ไปแบบแทบไม่อาจปฏิเสธได้