Motorsportlives

[MotoGP] “กวาร์ตาราโร” เผย M1 ใหม่ถึงขีดจำกัดแล้ว “ยามาฮ่า” ต้องแก้ 2 ปัญหาด่วน

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยอดนักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ออกโรงยอมรับว่ารถแข่ง M1 2024 มี “ท็อปสปีด” จากเครื่องยนต์ที่ดีขึ้นมาก แต่ยังไม่ดีพอที่จะคัมแบ็กลุ้นแชมป์โลก เผยไปถึง “ขีดจำกัด” แล้ว ชี้ต้องปรับปรุง “2 ปัญหาอย่างเร่งด่วน”

วีดีโอที่เกี่ยวข้อง

[MotoGP Talk] วิเคราะห์ “ยามาฮ่า” ต้องเร่งแก้ 2 ปัญหาด่วนเมื่อ “กวาร์ตาราโร” บอก M1 ถึงขีดจำกัดแล้ว

ยามาฮ่า ได้ทำการทดสอบ M1 2024 ตัวต้นแบบที่มีการอัพเกรดจากการทดสอบทั้ง 2 ครั้งที่ เซปัง (เชคดาวน์ เทสต์ และ ออฟฟิเชียล เทสต์) เพื่อพยายามปิดช่องว่างจากกลุ่มหน้า และกลับมาต่อสู้ใน โมโตจีพี ให้ได้อีกครั้ง

กวาร์ตาราโร และทีมเมทคนใหม่อย่าง อเล็กซ์ รินส์ ได้ทดสอบรถแข่ง M1 เวอร์ชั่นใหม่ในการทดสอบที่ มาเลเซีย และปฏิกิริยาของทั้งคู่ก็ค่อนข้างจะหลากหลาย

นักบิดเฟรนช์ย้ำอย่างชัดเจนว่า ในที่สุด ยามาฮ่า ก็สามารถรีดแรงม้าที่เพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และนั่นก็เปลี่ยนเป็น “ท็อปสปีด” ที่สูงขึ้นด้วย แม้ว่าการส่่งกำลังจะ “กระโชกโฮกฮาก” เกินไปสำหรับความชอบของเขาก็ตาม

อย่างไรก็ตาม กวาร์ตาราโร เน้นว่า M1 ยังคงขาดการพัฒนาในด้านอื่นๆ โดยบ่นว่า “การยึดเกาะทางกลไก” ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย นับตั้งแต่เขาขึ้นมาสู่ โมโตจีพี ด้วยทีมอิสระในปี 2019

“ความเร็วสูงสุดดีขึ้นมาก เครื่องยนต์ของเราดีกว่าเดิม นั่นคือสิ่งที่คืบหน้าชัดเจน” กวาร์ตาราโร อธิบาย

“แต่วิธีการที่เราใช้ในตอนนี้มันยังยากต่อการควบคุม เพราะรถแข่งยังมีอัตราเร่ง (ทอร์ก) ที่เกรี้ยวกราดเกินไป”

“เรามีอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น และเครื่องยนต์ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ยังต้องการเวลาในการทำความเข้าใจ ว่ามันทำงานยังไง? ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะทำงานได้ดีขึ้น และต้องค้นหาการยึดเกาะทางกลไกที่เราไม่มีนับตั้งแต่ปี 2019”

ควบคู่ไปกับการค้นหา “การยึดเกาะ”, กวาร์ตาราโร ยังรู้สึกว่า “ยามาฮ่า ยังต้องปรับปรุงการทำงานในส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของรถแข่ง เพื่อให้แน่ใจว่าการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ จะมีความราบรื่น (สมูธ) มากขึ้น”

กวาร์ตาราโร เสริมว่า “ผมคิดว่าทั้ง 2 อย่างคือปัญหา (การยึดเกาะ และ อิเล็กทรอนิกส์) ถึงไม่ใช่ปัญหาแต่มันคือหนทางที่เราจะสร้างประโยชน์ เพื่อก้าวไปสู่ท็อป 6 ได้”

“บางทีอาจจะไม่ใช่แค่ท็อป 6 แต่มันคือการต่อสู้ในกลุ่มอันดับ 4-8 นี่คือสิ่งที่เราต้องค้นหาในตอนนี้ สำหรับการควอลิฟาย”

“ผมคิดว่านี่คือสิ่งสำคัญจริงๆ ที่เราต้องค้นหา เพราะเหมือนปีที่แล้ว… (ในบางครั้ง) ที่เราก้าวไปอย่างรวดเร็ว”

“เราไม่ได้อยู่ในท็อป 3 (เวลาต่อรอบ) แต่เรามีโอกาสที่ดีแล้ว”

“แต่ถ้าคุณยังอยู่ในอันดับ 11 หรือ 12 คุณจะอยู่ได้แค่ตรงนั้น… ไม่ว่าความเร็วในการแข่งขันของคุณเป็นอย่างไรก็ตาม นี่คือสาเหตุที่เราพยายามค้นหาหนทางแก้ปัญหาด้านการยึดเกาะ” เจ้าของหมายเลข 20 กล่าว

มีนักบิด 4 คนที่ทำเวลาต่อรอบลงไปถึง 1.56 ในการทดสอบที่ เซปัง เนื่องจากสภาพอากาศที่เหมาะสม และ “เนื้อยาง” จำนวนมากที่บดอัดลงบนผิวแทร็ก จากการทดสอบก่อนหน้านั้น 5 วัน ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากสำหรับ “การทำลายสถิติ”

กวาร์ตาราโร จบการทดสอบที่ เซปัง ในอันดับ 11 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 57.525 วินาที ตามหลังจ่าฝูงอย่าง ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า อยู่ 0.8 วินาที กับรถแข่ง จีพี24 ตัวใหม่ล่าสุดของ ดูคาติ

นักบิดเฟรนช์รู้สึกว่าเขาได้มาถึง “ขีดจำกัด” ของรถแข่งคันนี้แล้ว ซึ่งนั่นถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก เมื่อพิจารณาถึงความเร็วต่อรอบแบบ 1 รอบ ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนสำคัญของรถแข่ง ยามาฮ่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

“ผมมีความสุขมาก เมื่อทำเวลาต่อรอบ 1 นาที 57.525 วินาที แต่มันกลับเป็นเพดานของเราแล้ว” เขากล่าว

“ผมไปถึงขีดจำกัดได้อย่างง่ายดาย เพราะผมขี่ 4 รอบ ด้วยเวลา 1.57.5, 1.57.6, 1.57.5 และ 1.57.6”

“มันไม่มีรอบใดที่ดีกว่ารอบอื่นจริงๆ และนี่เป็นเรื่องนิดหน่อยที่จะเข้าใจ ผมรู้ว่าพวกเรามีการปรับปรุงในจุดไหน แต่คำถามคือมันจะเป็นยังไงต่อ

อเล็กซ์ รินส์
Exit mobile version