ธนกร หลักหาญ ยอดนักบิดดาวรุ่งของ ฮอนด้า หมายเลข 20 สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ผงาดคว้าแชมป์ทั้ง 2 เรซ ในศึก ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ สนาม 3 นำโด่งบนตารางแชมเปี้ยนชิพ หลังบดเอาชนะคู่แข่งอย่าง ธุรกิจ บัวผา และ ชานนท์ อินต๊ะ อย่างสุดมันส์ที่ สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ รายการ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2020 ดวลความเร็วสนาม 3 เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 26-27 กันยายนที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร
ศึก ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ การแข่งขันที่เป็นขั้นบันไดสำคัญของโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่ปูทางสร้างนักบิดไทยให้ก้าวขึ้นสู่การแข่งขันโมโตจีพี ให้ได้ภายในปี 2025 โดยใช้รถแข่งโปรโตไทป์อย่างHonda NSF250 ซึ่งเป็นรถแข่งสเป็คเดียวกับการแข่งขัน โมโตทรี ชิงแชมป์โลก ให้นักแข่งเยาวชนไทยได้พัฒนาฝีมือผ่านเรซที่เข้มข้น ดวลความเร็ว 2 เรซต่อสนาม
เกมเรซแรกของสนาม 3 ดวลกันในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ตำแหน่งโพลเป็นของ ธุรกิจ บัวผา เจ้าของหมายเลข 21 ขนาบข้างด้วย เกียรติศักดิ์ สิงหพงษ์ หมายเลข 4 ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ธนกร หลักหาญ หมายเลข 20 จ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสม โดย ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ ซึ่งเน้นพัฒนานักบิดสู่ระดับโลก ใช้จำนวนรอบในการแข่งขันถึง 15 รอบสนาม เพื่อให้นักบิดเยาวชนสร้างความคุ้นเคยกับระยะทางยาวๆ ก่อนก้าวขึ้นสู่เกมระดับอาชีพในอนาคต
จบการแข่งขัน 15 รอบสนาม แชมป์เรซแรกเป็นของ ธนกร อาศัยจังหวะที่ยอดเยี่ยม ขยับขึ้นมาจากกริดที่ 3 บิดเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 27 นาที 39.396 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง ธุรกิจ เพียง 0.108 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ ชานนท์ อินต๊ะ เจ้าของหมายเลข 7 ตามหลังแชมป์ 11.257 วินาที
ส่วนเรซที่ 2 มีขึ้นในช่วงสายของวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายนนี้ กริดสตาร์ทยังคงเหมือนเดิมโพลเป็นของ ธุรกิจ ขนาบข้างด้วย เกียรติศักดิ์ ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ธนกร โดยการลุ้นแชมป์เรซที่ 2 ยังคงเข้มข้นเช่นเคย จบ 15 รอบ แชมป์ตกเป็นของ ธนกร ที่เข้าวิน 2 เรซติดต่อกันด้วยเวลา 27 นาที 35.830 วินาที เฉือน ธุกิจ อันดับ 2 เพียง 0.179 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ชานนท์ ตามหลังแชมป์ 0.412 วินาที
ผ่านการแข่งขัน 3 สนามแรกของปี ผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพได้แก่ ธนกร หลักหาญ โดยสนามถัดไปของ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์เช่นเดิม
