การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. เผยเตรียมสรุปตัวเลขเศรษฐกิจที่คาดจะเพิ่มขึ้นกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของ โมโตจีพี ในประเทศไทย เร่งเตรียมข้อมูลนำเสนอเข้า ครม. ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ในการต่อสัญญากับ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ออกไป 5 ปี เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ โดยขอให้รัฐบาลสนับสนุน 2 ใน 3 ของเงินค่าลิขสิทธิ์

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า “รัฐบาลไทย” ได้ทำการต่อสัญญาจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ออกไปแล้ว 5 ปี ด้วยมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.6 พันล้าน ทว่ายังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากเจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง ดอร์น่า สปอร์ต 

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับสื่อมวลชน

โดยล่าสุด ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดหลังจบการแข่งขัน พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า “ภาพรวมของการแข่งขันในปีนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ เราได้เห็นแฟนชาวไทยเข้าชมเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจ และตัวเลขต่างๆ จะสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา หากเทียบในช่วงเดียวกันของการแข่งขัน ซึ่งคาดการว่าน่าจะสูงกว่าเดิม 25%”

“ส่วนเรื่องการต่อสัญญากับ ดอร์น่า สปอร์ต เพื่อให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ออกไปจากสัญญาฉบับเดิม 5 ปีนั้น ตอนนี้มีความชัดเจนอย่างมาก โดย ดอร์น่า ได้สิ่งเอกสารและเงื่อนไขต่างๆ มาให้เราพิจารณาแล้ว โดยจะมีการเพิ่มสิทธิ์ด้าน อี-สปอร์ตเข้าไปอีก ซึ่งเขาจะให้สิทธิ์เฉพาะลูกค้าเก่าเท่านั้น”

“ค่าลิขสิทธิ์ของ โมโตจีพี จะมีการเพิ่มขึ้นจากเดิมในทุกๆ ปี แต่เราซึ่งเป็นลูกค้าเก่าก็จะได้ราคาที่คุ้มค่ากว่าลูกค้าใหม่ และผลประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับก็มากมายมหาศาลจริงๆ”

ทั้งนี้ ดร.ก้องศักด กล่าวถึงเรื่องการต่อสัญญาว่าในตอนนี้ยังไม่เป็นทางการ ซึ่งจะต้องมีการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ และประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี โดยคาดว่าจะใช้เวลาราว 1 สัปดาห์ในการรวมรวมตัวเลขดังกล่าว

“เราต้องใช้ตัวเลขสถิติต่างๆ ทั้งภาคเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว รวมถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ และนำเสนอเข้าให้ คณะรัฐมนตรี พิจารณา ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะมีการเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 2 ใน 3 ของค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมด เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของภาคเอกชน และเชื่อว่าจะมีการดำเนินการต่อสัญญาดังกล่าวเสร็จสิ้นหลังผ่านมติ ครม. ในเดือนพฤศจิกายนนี้”