แลนโด้ นอร์ริส นักขับดาวรุ่งชาวอังกฤษจาก แม็คลาเรน ออกโรงเผยว่ารู้สึกดีใจที่ เอฟวัน ไม่ลงโทษคู่แข่งอย่าง อเล็กซ์ อัลบอน จาก เรดบูลล์ เรซซิ่ง หลังมีเหตุปะทะกันในศึก เจแปนีส กรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นเหตุให้เขา “หลุดออกจากแทร็ก” ในรอบที่ 4 เพราะเป็นเกมแบบ “แฟร์เพลย์”

อัลบอน เสียอันดับให้ นอร์ริส และทีมเมทอย่าง คาร์ลอส ไซน์ซ จากจังหวะออกตัวที่ไม่สู้ดีนัก ส่งผลให้นักขับไทยพยายามอย่างมากในการทวงตำแหน่งคืน ก่อนที่จะเสียบเข้าใส่ นอร์ริส ในชิเคนของรอบที่ 4 จนคู่แข่งหลุดออกนอกแทร็กไป 

นอร์ริส ซึ่งไม่เบาคันเร่ง และพยายามจะเข้าไปในโค้งชิเคนพร้อมกัน 2 คน สุดท้ายก็สะกิดกับ อัลบอน เล็กน้อย จนต้องหนีออกไปที่รันออฟแอเรีย

ทันทีที่จบการแข่งขัน นอร์ริส ให้สัมภาษณ์ว่า “ทุกอย่างดูเหมือนว่าเราปะทะกัน แต่จริงๆ แล้วไม่มีการปะทะกันเลย” โดยเขาเผยว่าไม่ทราบว่ามีชิ้นส่วนบางอย่างของรถแข่งกระเด็นออกไป

“ในสายตาของผมมันไม่มีการสัมผัสกัน”​นอร์ริส กล่าว “เขาเคลื่อนไหวได้ดีมาก เพราะต้องเสียบเข้ามาจากระยะไกล”

“เบรกของผมมีอุณหภูมิที่ร้อนเกินไป เพราะมีเศษชิ้นส่วนจากรถแข่งของ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ กระเด็นเข้ามาติด (จากปีกหน้าที่หักจากการชนกับ แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น) นั่นหมายความว่าล้อหน้าขวาของผมล็อก”

“เขาเพุ่งเข้ามาจากระยะไกลที่ด้านหลัง ผมจำเป็นต้องเล่นแฟร์เพลย์กับเขา (เลี่ยงออกไปมที่รันออฟ)”

อย่างไรก็ดี นอร์ริส กล่าวถึงการแซงในจังหวะดังกล่าวของ อัลบอน ว่า “มันดูจะเสี่ยงนิดๆ กับจังหวะดังกล่าว เพราะจริงๆ แล้วอีกไม่นานเขาก็ต้องแซงผมได้ เพราะเขาเร็วมากๆ”

“แต่ผมคิดว่ามันตือเรซซิ่ง เขาไม่ได้รับการลงโทษใช่ไหม ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ดี”

“เขาบังคับให้ผมต้องออกไป แต่ผมคิดว่ามันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในการแข่งขัน นั่นคือเหตุการณ์ที่ไม่ได้เสียหายอะไร เขาเสียบมาด้านใน มันคือการเคลื่อนไหวที่ดี และมันเป็นแฟร์เพลย์”

อย่างไรก็ตาม นอร์ริส ต้องเสียอันดับให้กับ ปิแอร์ แกสลีย์ แลพ แลนซ์ สตรอลล์ ซึ่งเป็นผลจากจังหวะเสียบของ อัลบอน ทว่าเขาเองก็ต้องนำรถเข้าพิตเพื่อให้ทีมงานเคลียร์เศษชิ้นส่วนของจากระบบเบรก ซึ่งทำให้ นอร์ริส หล่นไปอยู่กลุ่มหลังทันที ขณะที่ อัลบอน จบเรซในอันดับ 4