มิชลิน [Michelin] แบรนด์ยางหนึ่งเดียวของ โมโตจีพี [MotoGP] ปฏิเสธว่า “ยางหลังใหม่” ในปี 2020 ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้รถแข่ง ยามาฮ่า [Yamaha] และ ซูซูกิ [Suzuki] หลังมีเสียงวิจารณ์ว่ามีคาแร็กเตอร์เข้าทางกับเครื่องยนต์ “4 สูบเรียง” มากกว่าเครื่อง “วี”
ปิเอโร ทารามาสโซ บอสใหญ่ มิชลิน ค่ายยางสัญชาติเฟรนช์ ได้ยืนยันว่ามีการแก้ไขโครงสร้างของ “ยางหลัง” เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี สำหรับยางที่ใช้แข่งขันในศึก โมโตจีพี โดยนักบิดทุกคนได้ลงทดสอบมาแล้วใน พรี-ซีซั่น เทสต์ ที่ เซปัง และ กาตาร์ ก่อนที่ โมโตจีพี จะถูกเล่นงานโดยเชื้อไวรัสโควิด-19 จนไม่สามารถเปิดฤดูกาล 2020 ได้ จนถึงตอนนี้
ตลอดการทดสอบ ดูเหมือนว่ารถแข่งของ ยามาฮ่า และ ซูซูกิ จะสร้างความยึดเกาะได้มากกว่าในโค้งความเร็วสูง สำหรับยางหลังใหม่นี้
โดย “ยางหลังใหม่” นี้ดูเหมือนจะเข้ามาเติมเต็มให้ทั้ง 2 ค่ายอย่าง ยามาฮ่า และ ซูซูกิ ทำผลงานได้ดีในการทดสอบของพวกเขา ซึ่ง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เร็วสุดที่ เซปัง และ มาเวริค บีญาเลส จากทีมโรงงานยามาฮ่า เร็วที่สุดใน กาตาร์
ทว่า ทารามาสโซ เชื่อว่าผลพลายได้ที่เกิดขึ้นกับ ยามาฮ่า และ ซูซูกิ จะเป็นเพียงความได้เปรียบชั่วขณะเท่านั้น ซึ่งทีมโรงงานอื่นๆ จะหาแนวทางใช้ประโยชน์จากมันได้เช่นกัน
“ด้วยความสัตย์จริงผมหวังว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในการทดสอบตลอดทั้งปี 2019 มันมีข้อบางชี้ว่ามีผลดีกับรถแข่งทุกค่าย”ทารามาสโซ กล่าว
“เรายังไม่เห็นรถแข่งหรือนักบิดคนใด เจอผลในแง่ลบ”
“สิ่งเหล่านี้ถูกพบในการทดสอบของปีนี้ ที่ เซปัง และ กาตาร์ แต่ผมคิดว่ามันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวมากกว่า และไม่ใช่ว่ามันเป็นยางที่เหมาะสมกับรถแข่งค่ายใดค่ายหนึ่ง”
“ผมเชื่อว่ามันจะพิสูจน์ตัวของมันเองกับรถแข่งทุกค่ายในเร็วๆ นี้”
นายใหญ่ มิชลิน ทิ้งท้ายว่า “เมื่อพวกเขาเข้าใจวิธีใช้งานมัน ทุกคนจะได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพของมัน”
