[MotoGP] “มิลเลอร์” ปลดล็อคซิวแชมป์แรก “กวาร์ตาราโร” สวรรค์ล่ม

แจ็ค มิลเลอร์ นักบิดออสซี่จาก ดูคาติ เลโนโว ทีม ผงาดคว้าชัยชนะครั้งแรกของตัวเองในปีนี้ ควงทีมเมท ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า เข้าวินแบบวันทูในศึก โมโตจีพี สนาม 4 รายการ สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ขณะ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า โดนฝันร้ายเล่นงานจากปัญหารถแข่งรูดจากหัวแถวลงไปจบเรซในอันดับ 13 หลังจบเรซสุดดราม่าที่ เฆเรซ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2021 สนาม 4 รายการ สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ ประเทศสเปน โดยในรุ่นใหญ่ชิงชัยทั้งสิ้น 25 รอบสนาม

โพลโพซิชั่นในเรซนี้เป็นของ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร จ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพจาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ขนาบข้างด้วย ฟรานโก้ มอร์บิเดลลี นักบิดอิตาเลียนจาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที และ แจ็ค มิลเลอร์ นักบิดออสซี่จาก ดูคาติ เลโนโว ทีม ในกริดที่ 2 และ 3 ขณะที่แชมป์โลกอย่าง โจอัน เมียร์ จากทีม ซูซูกิ เอ็คสตาร์ ได้ออกตัวจากกริดที่ 10 ส่วน มาร์ค มาร์เกซ นักบิดต่างดาวจาก เรปโซล ฮอนด้า เริ่มต้นเกมในกริดที่ 14

ออกสตาร์ทด้วยการทะยานขึ้นนำของ มิลเลอร์ ตามด้วย มอร์บิเดลลี และสอดแทรกขึ้นมาด้วย ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า นักบิดอิตาเลียนจาก ดูคาติ ในอันดับ 3 ส่วน กวาร์ตาราโร หล่นลงไปรั้งอันดับ 4 ด้าน เมียร์ ขยับจากกริดที่ 10 ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 6 หลังผ่านรอบแรก ขณะที่ อเล็กซ์ มาร์เกซ พลาดล้มตั้งแต่รอบแรก

รอบที่ 3 กวาร์ตาราโร ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ได้อีกครั้ง ขณะที่ อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชจาก ทีม ซูซูกิ เอ็คสตาร์ พลาดล้มลงไปแต่ยังนำรถกลับมาลุยต่อได้ในท้ายแถว พร้อมกับที่ อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร พารถแข่ง อพริเลีย ขยับแซง บันยาญ่า ขึ้นมารั้งอันดับ 4

จากนั้นในรอบที่ 5 กวาร์ตาราโร ก็ขยับแซงทั้ง มอร์บิเดลลี และ มิลเลอร์ ขึ้นเป็นผู้นำได้สำเร็จ โดยหลังผ่านช่วง 7 รอบแรกสถานการณ์ด้านอันดับของนักบิดทุกคนเริ่มคงที่

ผ่านครึ่งทางการแข่งขัน กวาร์ตาราโร ยังคงรักษามาตรฐานเรซเพซของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยระยะห่างจาก มิลเลอร์ ในอันดับ 2 เฉลี่ยราว 1.5 วินาที ส่วน มอร์บิเดลลี ต้องโดนกดดันแย่งอันดับ 3 อย่างหนักจาก บันยาญ่า

อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่ช่วง 12 รอบสุดท้าย ทัพนักบิดดูคาติ เริ่มเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง โดย บันยาญ่า ขยับแซง มอร์บเดลลี ขึ้นมารั้งท็อปทรี ขณะที่ มิลเลอร์ ไล่บด กวาร์ตาราโร เหลือเพียง 0.5 วินาทีเท่านั้น ส่งผลให้เกมครึ่งหลังเริ่มกลับมาเข้มข้นอย่างมาก

ความพยายามของ มิลเลอร์ มาสำเร็จได้ในช่วง 10 รอบสุดท้าย โดยเขาสามารถแซงผ่าน กวาร์ตาราโร ขึ้นเป็นผู้นำได้สำเร็จ จากนั้น บันยาญ่า ก็ไล่แซง กวาร์ตาราโร ที่แผ่วลงอย่างต่อเนื่องได้ในช่วง 8 รอบสุดท้าย โดยนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเรซนี้

ดูเหมือนว่า หายนะ จะมาเยือน กวาร์ตาราโร อย่างต่อเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถแข่ง ทำให้อันดับรูดลงอย่างต่อเนื่อง แถมยังโดน มอร์บิเดลลี แซงผ่านขึ้นมารั้งอันดับ 3 ในรอบถัดมา และยังคงรูดยาวอย่างต่อเนื่องจนถึงอันดับ 10

จบการแข่งขัน 25 รอบสนาม มิลเลอร์ บิดเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 41 นาที 5.602 วินาที ผงาดคว้าชัยชนะครั้งแรกกับ ดูคาติ ได้สำเร็จ อันดับ 2 เป็นของ บันยาญ่า ตามหลัง 1.912 วินาที ส่งผลให้ ดูคาติ เข้าเส้นชัยแบบวันทู

ส่วนอันดับ 3 เป็นของ มอร์บิเดลลี ที่ปลดล็อกขึ้นโพเดี้ยมเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ ตามหลังแชมป์ 2.516 วินาที ตามด้วย นาคากามิ ในอันดับ 4 และ อันดับ 5 เป็นของ เมียร์

ด้าน อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร จบเรซในอันดับ 6 ตามด้วย มาเวริค บีญาเลส ในอันดับ 7 ส่วนอันดับ 8-10 เป็นของ โยฮันน์ ซาร์โก ตามด้วย มาร์ค มาร์เกซ และ โปล เอสปาร์กาโร คู่หูจาก เรปโซล ฮอนด้า ขณะที่ กวาร์ตาราโร ร่วงลงไปจบเรซในอันดับ 13

ผลการแข่งขัน