แม็กซ์ มาร์โตลินี ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของ ยามาฮ่า โมโตจีพี ออกโรงเผยว่าหากนักบิดคนใด สามารถจัดการกับการยึดเกาะที่ล้อหลังได้แบบ 100% ก็จะสามารถเป็นคนที่เร็วสุดๆ ใน โมโตจีพี ยุคปัจจุบันได้
บาร์โตลินี วิศวกรอดีตมือขวาของ จีจี้ ดัลลิลญ่า ย้ายมาร่วมงานกับ ยามาฮ่า ในปีที่ผ่านมา ภายใต้โปรเจ็กต์พารถแข่ง M1 กลับคืนสู่แถวหน้าให้ได้อีกครั้ง
ปีแรกของเขากับ ยามาฮ่า ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยเฉพาะการอัพเกรด “อิเล็กทรอนิกส์” ครั้งใหญ่ในช่วง 3 สนามสุดท้าย และส่งผลต่อศักยภาพรถแข่งอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกัน วิศวกรชาวอิตาเลียนยังกล่าวถึงปัจจัยสำคัญของ โมโตจีพี ในปัจจุบันว่า
“โดยทั่วไป เกี่ยวกับยางทั้งหน้าและหลัง คุณจะต้องทำงานอย่างหนักเกี่ยวกับพวกมัน” บาร์โตลินี ที่ย้ายร่วมงานกับ ยามาฮ่า อย่างเป็นทางการในปีที่แล้วเผยผ่าน Crash.net
“สำหรับ บริดจสโตน จุดที่ยากคือยางหน้า ส่วนยางหลังของพวกเขามีพื้นฐานที่ดี ให้การยึดเกาะคงที่ และความคงทนตลอดทั้งเรซ แทบจะไม่ลดศักยภาพด้านการยึดเกาะเลยในการแข่งขัน”
“จากนั้น… หากคุณจำได้ในปี 2016 เราเริ่มต้นใช้ มิชลิน และพบว่ายางหลังของพวกเขามีจุดแข็งอย่างมาก แต่มันกลับยางต่อการจัดการ แน่นอนว่านักบิดล้มเป็นจำนวนมากในการทดสอบ”
“ต่อมา มิชลิน ก็ทำงานของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะยางหน้าค่อยๆ ดีขึ้น ดีขึ้น และดีขึ้นจากจุดเริ่มต้นอย่างมาก”
“แต่ยางหลังก็ยังคงเป็นงานยากอยู่ดี นั่นคือสาเหตุว่าทำไมนักบิดมักพูดถึงการยึดเกาะที่ยางหลัง”
“ใครก็ตามที่สามารถจัดการกับการยึดเกาะที่ล้อหลังได้ 100% พวกเขาก็จะสามารถเป็นคนที่เร็วที่สุดได้ นี่คือกุญแจสำคัญของยางโมโตจีพีในปัจจุบัน”
วีดีโอที่เกี่ยวข้อง
