“เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ นักบิดตำนานโมโตจีพีวัย 41 ปี ออกโรงเผยถึงอนาคตของตนเองหลังจบปี 2020 โดยยอมรับว่า “หากฟอร์มไม่ดีขึ้น จะเป็นการดีกว่าที่เราไม่ต่อสัญญา” ซึ่งจะต้องตัดสินใจตั้งแต่ช่วงต้นปี

รอสซี่ ยืนหยัดต่อสู้ด้วยสถานการณ์ที่ยากลำบากใน โมโตจีพี 2019 ก่อนที่เขาจะถูกแซงหน้าโดยทีมเมทอย่าง มาเวริค บีญาเลส และนักบิดทีมแซ็ตเทิลไลต์อย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที โดยนักบิดอิตาเลียนจบฤดูกาลด้วยอันดับ 7 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ เป็นอันดับที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 กับ ดูคาติ

นักบิดอิตาเลียนที่จะก้าวสู่วัย 41 ปี ในเดือนมกราคมนี้ จะหมดสัญญากับ ยามาฮ่า หลังสิ้นปี 2020 ซึ่งเขาชี้ให้เห็นว่าเขาต้องการที่จะดูผลงานของตนเองก่อนในช่วงต้นฤดูกาล เพื่อตัดสินใจอนาคตกับ ยามาฮ่า  

ในการพูดคุยหลังจบการแข่งขัน กัล์ฟ 12 ชั่วโมง ที่ อาบู ดาบี ซึ่ง รอสซี่ จบการแข่งขันในอันดับ 3 กับต้นสังกัด เคสเซล เรซซิ่ง ด้วยรถแข่ง เฟอร์รารี่ 488 จีที3 กับเพื่อนรักอย่าง อุซซิโอ ซาลุซซี และน้องชาย ลูกา มารินี โดย รอสซี่ ยอมรับว่า “ฟอร์ม” ของเขาจะต้องดีขึ้นถึงจะคุ้มค่าในการต่อสัญญาใหม่

“ปีหน้ามันจะมีความสำคัญมาก” รอสซี่ เผย

“สิ้นปี 2020 คือช่วงหมดสัญญาของผม ดังนั้นน่าเสียดายที่ผมจะต้องตัดสินใจเร็วๆ นี้ ว่าจัแข่งตค่อหรือหยุด”

“ปัจจัยในการตัดสินใจว่าจะแข่งต่อหรือหยุด หลักๆ จะอยู่ที่ผลงาน เราต้องเปลี่ยนแปลงอย่างมากภายในทีม ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าเราจะสามารถทำความเร็วได้ดีขึ้นหรือไม่” 

“เพื่อที่จะต่อสัญญาใหม่ เราจะต้องแข็งแกร่งกว่าเดิม มากกว่าที่เคยเป็นในปีนี้ หากทำไม่ได้, มันจะดีกว่าที่เราไม่ต้องต่อสัญญา”