ศึก โมโตจีพี 2019 นับเป็นหนึ่งในดูกาลที่มีเหตุการณ์มากมายต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ทั้งการประกาศอำลาวงการของนักบิดระดับท็อปของโลก และการเคลื่อนไหวต่างๆ ในตลาดนักบิด วันนี้ Motorsportlives.com รวบรวม 5 เหตุการณ์สำคัญมาไว้ให้ติดตามกันครับ มาดูกันว่าจะตรงใจกับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตทุกท่านหรือไม่?

ฮอร์เก ลอเรนโซ ประกาศรีไทร์สุดช็อก

“เดอะสปาตัน” ฮอร์เก ลอเรนโซ แชมป์โลก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 5 สมัยชาวสแปนิช แถลงข่าวสุดช็อก! ประกาศอำลาอาชีพนักบิดโมโตจีพีหลังจบฤดูกาล 2019 หลังตามหาฟอร์มเก่งไม่เจอกับ ฮอนด้า

ลอเรนโซ คว้าแชมป์โลกพรีเมียร์คลาสอย่างยิ่งใหญ่กับ ยามาฮ่า ได้ถึง 3 สมัย ก่อนย้ายไปหาความท้าทายกับทีมโรงงาน ดูคาติ ในปี 2017-2018 และมาเค้นฟอร์มเก่งได้ในช่วงท้ายฤดูกาล เป็นสาเหตุให้เขาต้องออกจากทีมแข่งสัญชาติอิตาเลียนหลังจบปี 2018

จากนั้น ลอเรนโซ ย้ายซบทีมโรงงานฮอนด้าในปี 2019 แต่กลับไม่สามารถปรับตัวเข้ากับ RC213V ได้เลย กอปรกับอาการบาดเจ็บหลังพลาดล้มรุนแรงที่ แอสเซน ที่แม้เขาจะกลับมาแข่งขันได้ในครึ่งฤดูกาลหลัง แต่ก็ไม่รีดฟอร์มได้เลย

โดย “เดอะสปาตัน” ในวัย 32 ปี ได้ตัดสินใจประกาศอำลา โมโตจีพี อย่างเป็นทางการ ที่ เซอร์กิต ริคาร์โด ตอร์โม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าในปี 2020 จะไม่มีชื่อของ ฮอร์เก ลอเรนโซ บนกริดสตาร์ทของ โมโตจีพี

อเล็กซ์ มาร์เกซ ถูกเลือกขึ้นมาบิดในพรีเมียร์คลาสร่วมกับ มาร์ค มาร์เกซ

อเล็กซ์ มาร์เกซ แชมป์โลก โมโตทู ได้รับการเซ็นสัญญาจาก เรปโซล ฮอนด้า เพื่อโปรโมขึ้นบิดในศึก โมโตจีพี 2020 ร่วมกับพี่ชายอย่าง มาร์ค มาร์เกซ แทนที่ของ ฮอร์เก ลอเรนโซ ด้วยสัญญา 1 ปี

แชมป์โลกพรีเมียร์คลาส 3 สมัย ฮอร์เก ลอเรนโซ ประกาศรีไทร์จากการเป็นนักบิดอาชีพเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ทีมโรงานฮอนด้าต้องตัดสินใจเลือกนักบิดเพื่อมาแทนที่ของเขาสำหรับ โมโตจีพี 2020

แม้ว่า อัลเบอร์โต พูอิก ทีมบอสของ เรปโซล ฮอนด้า จะออกมายืนยันว่ายังไม่ด่วนตัดสินใจเรื่องตัวแทนของ ลอเรนโซ ทว่าเขาก็ยอมรับว่า โยฮันน์ ซาร์โก และ อเล็กซ์ มาร์เกซ อยู่ในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดของพวกเขา

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าจะเข้าสู่การทดสอบครั้งแรกของ โมโตจีพี 2020 ในวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายนนี้ HRC ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านมอเตอร์สปอร์ตของ ฮอนด้า ได้ยืนยันว่าทำการเซ็นสัญญากับ อเล็กซ์ มาร์เกซ เพื่อร่วมบิดให้กับทีม เรปโซล ฮอนด้า โมโตจีพี ในฤดูกาล 2020 เป็นที่เรียบร้อย

โดย อเล็กซ์ มาร์เกซ ได้รับการเซ็นสัญญาระยะเวลา 1 ปี เพื่อบิดเคียงข้างพี่ชายอย่าง มาร์ค มาร์เกซ ในฤดูกาล 2020 โดยเปิดตัวร่วมกันในการทดสอบที่ บาเลนเซีย

มาร์ค มาร์เกซ คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 8 ในเมืองไทย

มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลกโมโตจีพี 6 สมัยผู้มาจากต่างดาวของ เรปโซล ฮอนด้า เปิดใจว่าการขึ้นครองบัลลังก์ในปี 2019 นับเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในชีวิต เหนือกว่าปี 2014 ที่คว้าแชมป์ได้ถึง 13 สนาม

มาร์เกซ ขี่ด้วยความอดทน และจัดการคว่ำ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ในรอบสุดท้ายคว้าชัยชนะ 2 ปีติดต่อกัน ในศึก พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ พร้อมกับก้าวขึ้นฉลองแชมป์โลกรวมทุกรุ่น 8 สมัย และเป็นการคว้าแชมป์โลกพรีเมียร์คลาสสมัยที่ 6 ในประเทศไทย

ในปี 2014 เป็นฤดูกาลที่ 2 ที่ มาร์เกซ ขยับขึ้นมาแข่งขันในพรีเมียร์คลาส และเป็นปีที่เขาคว้าชัยชนะได้มากถึง 13 สนาม คว้าโพลโพซิชั่นได้ 13 ครั้ง และทำฟาสเตสต์แล็ปได้ 12 สนาม เก็บแต้มมากถึง 362 คะแนน ทำให้ทุกคนขนานนามว่าเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของ “นักบิดต่างดาว” เลยก็ว่าได้

นักบิดสแปนิชวัย 26 ก้าวเข้าสู่ฤดูกาลที่ใกล้เคียงกับคำว่า “เพอร์เฟ็ค” มากที่สุด เพราะเขาจบเรซด้วยอันดับ 2 ขึ้นไปแทบทุกสนาม หากไม่รวมเรซที่ ออสติน ซึ่งพลาดล้มไป

มาร์เกซ เปิดใจว่าปีนี้คือฤดูกาลที่ดีที่สุดของตนเอง นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาบิดใน โมโตจีพี เพราะเป็นปีที่มีการแข่งขันสูงมาก หากเทียบกับปี 2014 ซึ่งมีเพียง ฮอนด้า และ ยามาฮ่า เท่านั้นที่สามารถต่อสู้เพื่อลุ้นแชมป์โลกกัน ต่างจากปีนี้ที่รถแข่งจากทีมโรงงานทุกทีม สามารถที่จะคว้าชัยชนะได้

“มันคือฤดูกาลที่ดีที่สุดของผมใน โมโตจีพี” มาร์เกซ เผย

“ปี 2014 ผมชนะ 13 สนามก็จริง แต่ด้วยความสัตย์จริง ในตอนนั้นมีความแตกต่างอย่างมาก ของรถแข่งจากทีมโรงงานต่างๆ”

“ตอนนี้ เราอยู่ในฤดูกาลที่มีการแข่งขันสูงมาก ทีมโรงงานใหญ่ทั้ง 4 ทีม ต่างก็สามารถต่อสู้เพื่อชัยชนะ”

“แต่แน่นอน เราคือคนที่ยืนระยะได้ดีที่สุด โดยเฉพาะการมุ่งมั่นแก้ปัญหาในจุดอ่อนของเรา และเราสามารถจัดการจุดอ่อนของตนเองได้อย่างดี เราเอาตัวรอดได้ยอดเยี่ยมแม้ในหลายๆ เรซที่ยากมากๆ ก็ตาม”

“ผมต้องการกล่าวคำขอบคุณไปยังทีมของผม เพราะสำหรับนักบิดแล้วมันง่ายมากที่จะรักษามาตรฐานการบิดของตนเอง แต่สำหรับทีมงานซึ่งมีผู้คนมากมาย มันไม่ง่ายเลยที่จะรักษามาตรฐานในการทำงานให้ดีอย่างต่อเนื่อง”

“พวกเขาสามารถทำมันได้สำเร็จ และนี่คือปัจจัยสำคัญที่พาเราไปสู่แชมป์โลกในปีนี้”

กับการคว้าแชมป์โลกในปี 2019 นั้น มีเพียงปีเดียวที่ มาร์เกซ พลาดการคว้าแชมป์โลกหลังจากขยับขึ้นมาบิดในพรีเมียร์คลาส นั่นคือปี 2015 โดยปีนั้น ฮอร์เก ลอเรนโซ คว้าแชมป์โลกไปครองขณะที่อยู่กับ ยามาฮ่า

กวาร์ตาราโร ฉายแววเหนือทีมโรงงาน

ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร รุกกี้แห่งปีชาวฝรั่งเศสจาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที กล่าวถึงผลงานกระฉูดใน โมโตจีพี ฤดูกาล 2019 ว่าเป็นผลมาจากแรงฮึดต่อ “คำสบประมาท” ว่าเขาไม่เหมาะสมกับการเป็นนักบิดพรีเมียร์คลาสในปีทีผ่ผ่านมา

กวาร์ตาราโร ได้รับการเซ็นสัญญาดึงตัวขึ้นสู่พรีเมียร์คลาสกับ ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ทีมแซ็ตเทิลไลต์น้องใหม่ของ ยามาฮ่า ในโมโตจีพี 2019 พร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาอาจไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว เพราะคว้าแชมป์ได้เพียง 2 ครั้ง จากการแข่งขันระยะเวลา 4 ปี ในคลาส โมโตมทรี และ โมโตทู

นักบิดเฟรนช์สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นมนฤดูกาลแรกกับ พรีเมียร์คลาส จนคว้าตำแหน่ง รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์ ไปครอง จากการคว้าโพลได้ 6 สนาม ขึ้นโพเดี้ยม 7 ครั้ง จากการคว้าอันดับ 2 มาได้ 5 ครั้ง และอันดับ 3 อีก 2 ครั้ง แถมยังขยับขึ้นมารั้งอันดับ 5 บนตารางแชมเปี้ยนชิพของ โมโตจีพี 2019 อีกด้วย

“ผมคว้าโอกาสนี้ไว้ เพราะทุกๆ คนต่างก็บอกว่าผมไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนักบิดพรีเมียร์คลาส ผมต้องการพิสูจน์ว่าพวกเขาผิด” กวาร์ตาราโร เผย

“ผมไม่ได้ซีเรียสที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ในปี 2019 เพราะโดยรวมแล้วมันมาได้เกิดเป้าหมายที่วางไว้”

“แน่นอนว่าหากผมคว้าแชมป์ได้ในปีนี้มันจะเจ๋งมาก แต่คุณรู้ไหมว่า ผมต้องเจอกับอะไรบ้าง ทั้งคำวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ ว่าผมยังไม่พร้อมบ้างแหละ ประสบการณ์ผมยังไม่พอบ้างแหละใน โมโจตีพี”

“แต่ผมทำงานอย่างหนักตลอดช่วงฤดูหนาว ในการทดสอบ และเราก็จัดการคว้าโพเดี้ยมมา 7 ครั้ง โพลอีก 6 เรซ และผมคิดว่าเราเหมาะสมแล้วกับขีดการต่อสู้ที่ทำได้ในวันนี้”

“ผมต้องการจะขอบคุณพวกเขา (ทุกคนในทีม) เพราะพวกเขาเชื่อมั่นในตัวผม และทำงานอันยอดเยี่ยมตลอดทั้งฤดูกาล”

ซาร์โก แยกทาง เคทีเอ็ม กลางซีซั่น 

ชีวิตสุดผกผันของ “โยฮันน์ ซาร์โก” นักบิดเลือดน้ำหอม นับเป็นประเด็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” มากที่สุดในเวลานี้ จากแชมป์โลกโมโตทู 2 สมัย ก่อนขึ้นมาเขย่าเวทีพรีเมียร์คลาสกับ “มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เทคทรี” จนถูกจับตามองว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของ “วาเลนติโน รอสซี่” ทว่าการย้ายไปอยู่กับทีมโรงงาน “เคทีเอ็ม” กลับกลายเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตนักบิดของเขา…

ซาร์โก ออกสตาร์ทชีวิตการเป็นนักบิดในเวิลด์จีพี ด้วยการแจ้งเกิดในคลาส 125 ซีซี ในปี 2009 กับ WTR San Marino Team ก่อนจะมาเฉิดฉายได้ในปี 2011 ด้วยการคว้ารองแชมป์โลกในของคลาสจูเนียร์

จากนั้น นักบิดเฟรนช์ ถูกดึงขึ้นไปบิดใน โมโตทู ในฤดูกาล 2012 ร่วมกับ เจไออาร์ ทีม พร้อมกับคว้าอันดับ 10 บนตารางแชมเปี้ยนชิพเมื่อจบปีแรกที่ขยับขึ้นมาในคลาสกลาง แต่ ซาร์โก ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี ก่อนที่เขาจะเฉิดฉายใน โมโตทู ได้สำเร็จ

โดยในปี 2015 ซาร์โก ย้ายไปร่วมทีมกับ อาโย มอเตอร์สปอร์ต อีกครั้ง และในปีนี้เองที่เขากลายเป็นนักบิดที่สร้างชื่อ “จอมตีลังกา” ด้วยการคว้าแชมป์โลก โมโตทู สมัยแรกให้กับตนเองได้สำเร็จ จากการคว้าชัยชนะ 8 สนาม โพเดี้ยม 14 ครั้ง และคว้าโพลได้อีก 7 ครั้ง สร้างสถิติเก็บคะแนนได้สูงถึง 352 คะแนน ในฤดูกาลเดียว และในปี 2016 เขาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ติดต่อกันได้สำเร็จ จากการคว้าแชมป์ 7 สนาม โพเดี้ยม 10 ครั้ง และโพล 7 ครั้ง เก็บไป 276 คะแนน ส่งผลให้ “จอมตีลังกา” กลายเป็นนักบิดขวัญใจแฟนๆ ไปโดยปริยาย

ความเนื้อหอมของ ซาร์โก ไปเตะจมูก “เทคทรี” ยอดทีมแข่งในพรีเมียร์คลาส โดยนักบิดเลือดน้ำหอมตกลงปลงใจเซ็นสัญญา 2 ปี ขยับขึ้นมาบิดใน โมโตจีพี ร่วมกับทีมแซ็ตเทิลไลต์ของ ยามาฮ่า ในปี 2017

ซาร์โก เปิดตัวด้วยความร้อนแรง เขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการออกนำในการแข่งขันสนามแรกในชีวิตที่บิด พรีเมียร์คลาส เหนือคู่แข่งถึง 2 วินาที ใน กาตาร์ กรังด์ปรีซ์ ก่อนจะพลาดล้มไปอย่างน่าเสียดายในรอบที่ 6

จากนั้น ซาร์โก ก็สามารถขึ้นโพเดี้ยมแรกในพรีเมียร์คลาสในชีวิตได้สำเร็จ จากการคว้าอันดับ 2 ที่ เลอ มองส์ ซึ่งเป็นโฮมเรซของเขาเอง และที่ เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ นี่เอง ที่ทำให้เขาโด่งดังสุดขีด จนถูกมองว่าเป็น “โกลเด้น บอย” ในศึก โมโตจีพี

โดยในปี 2017 ซาร์โก เก็บได้อีก 2 โพเดี้ยม จากอันดับ 3 ที่ เซปังฯ และอันดับ 2 ที่ บาเลนเซีย นับเป็นการเปิดตัวได้อย่างสวยหรู ด้วยการคว้าตำแหน่ง “รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์” และจบฤดูกาลแรกด้วยอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ แถมเป็นนักบิดจากทีมอิสระที่ทำคะแนนได้สูงสุดด้วย

ในปี 2018 ซาร์โก ยังคงถูกจับตามองอย่างมาก ซาร์โก ขึ้นมาป้วนเปี้ยนในแถวหน้าบ่อยครั้ง เขาจบอันดับ 2 ที่ อาร์เจนติน่า และ เฆเรซ เก็บโพเดี้ยมได้ 3 ครั้ง อีกครั้งคือการคว้าอันดับ 3 ที่ มาเลเซีย จบฤดูกาลที่ 2 ในพรีเมียร์คลาสด้วยอันดับ 6 เช่นเคย เก็บไปทั้งสิ้น 158 คะแนน

ฤดูกาล 2018 นับเป็น “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ของ ซาร์โก อย่างแท้จริง… เพราะนับเป็นช่วงตลาดซื้อขายนักบิดนั้นเข้มข้นอย่างมาก นักบิดทุกทีมหมดสัญญา… ขณะที่ เทคทรี ประกาศแยกทางกับ ยามาฮ่า และก้าวไปจับมือกับ เคทีเอ็ม… อันเป็นสะพานเชื่อมโยง ซาร์โก ไปสู่ทีมโรงงาน เคทีเอ็ม ที่มองหานักบิดระดับท็อปมายกระดับผลงานของทีม รวมถึงการพัฒนารถแข่งของพวกเขา ในการคัมแบ็กสู่ โมโตจีพี อีกครั้ง

แต่ ซาร์โก ไม่รู้เลยว่า “ฝันร้าย” รอเขาอยู่ที่ “เคทีเอ็ม”… เฟรนช์แมน ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ RC16 ได้เลยแม้แต่น้อย เขาเรียกร้องให้ทีมโรงงานสัญชาติออสเตรียน ปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ใจความหลักอยู่ที่ แชสซีส์ ซึ่ง ซาร์โก โอดครวญว่ามัน แข็งกระด้าง และไม่ยึดเกาะแทร็กเอาเสียเลย

นี่คือ ชนวนเหตุให้ ซาร์โก ตัดสินใจประกาศแยกทางกับต้นสังกัด และทั้งคู่ก็ “แมน-แมน” แยกก็แยก ตกลงกันด้วยดี จบปี 2019 ต่างคนต่างไป…

ในทางกลับกัน โปล เอสปาร์กาโร นักบิดสแปนิชทีมเมทของ ซาร์โก กลับทำผลงานได้ดีในหลายสนาม เขาจบท็อปเท็นแทบทุกเรซ และล่าสุดสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการคว้ากริดที่ 2 ใน มิซาโน ได้ออกสตาร์ทจากแถวแรกซึ่งเป็นกริดที่ดีที่สุดของ เคทีเอ็ม นับตั้งแต่ก้าวสู่ พรีเมียร์คลาส

ใครจะไปเชื่อ ว่า “โกลเด้นบอย” อย่าง ซาร์โก จะมาตกอับได้ถึงเพียงนี้ จากปีที่ยอดเยี่ยมกับ “ยามาฮ่า” ฉไน มาตกม้า “พยศ” ตายอย่างไม่เป็นท่าที่ “เคทีเอ็ม”

อย่างไรก็ดี ฝีมือของ ซาร์โก ยังคงเป็นที่ต้องการใน โมโตจีพี ถึงขนาดที่ ดูคาติ ตัดสินใจเซ็นสัญญาเขาเพื่อบิดให้กับทีมแซ็ตเทิลไลต์อย่าง อวินเทีย ที่ประกาศฉีกสัญญา คาเรล อับราฮัม จนเจ้าตัวต้องประกาศรีไทร์ในเวลาต่อมา