ริคกี้ บราเบ็ค ยอดนักบิดอเมริกันจาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ฮอนด้า ทีม 2020 สร้างผลงานกระหึ่ม ดาการ์ แรลลี่ 2020 ครั้งแรกในเส้นทางประเทศซาอุดิอาระเบีย ด้วยการควบรถแข่ง CRF450 Rally พา ฮอนด้า กลับสู่ความยิ่งใหญ่และทวงแชมป์ประเภทจักรยานยนตืได้อีกครั้งในรอบ 31 ปี หลังจบการแข่งขันหฤโหดตลอด 12 สเตจในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ศึก แรลลี่หฤโหดระดับตำนานของโลก รายการ ดาการ์ แรลลี่ 2020 โยกจากทวีปอเมริกาใต้มาดวลความมันส์กันที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเส้นทางส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย ระยะทางรวมทั้งสิ้น 7,839 กิโลเมตร ชิงชัยกันทิ้งสิ้น 12 สเตจ ท่ามกลางอุปสรรคสุดโหดอันเป็นมนต์เสน่ห์ของ ดาการ์ แรลลี่

ไฮไลต์ของการแข่งขันประเภทจักรยานยนต์ในปีนี้ อยู่ที่การกลับมาท้าชิงเจ้าแห่งทางฝุ่นของ ฮอนด้า ภายใต้รถแข่ง CRF450 Rally ที่หวังจะเอาชนะรถแข่งจากค่าย เคทีเอ็ม ซึ่งครองบัลลังก์แชมป์มาแล้ว 18 สมัยล่าสุด

หนึ่งในข่าวเศร้าของ ดาการ์ แรลลี่ 2020 คือการเสียชีวิตของ เปาโล กอนคาลเวส นักบิดโปรตุกีสวัย 40 ปี จากสังกัดฮีโร่ แบรนด์ผู้ผลิตสัญชาติอิเดียน จากอุบัติเหตุรุนแรงในสเตจที่ 7 และส่งผลให้การแข่งขันสเตจที่ 8 ของประเภทจักรยานยนต์นั้นถูกยกเลิกไป ก่อนจะกลับมาดวลต่อในช่วง 4 สเตจสุดท้าย

โดยแชมป์ในปีนี้ตกเป็นของ ริคกี้ บราเบ็ค นักบิดอเมริกันจาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ฮอนด้า ทีม 2020 ที่สร้างผลงานได้อย่างคงเส้นคงวาตลอดทั้ง 12 สเตจ พสรถแข่ง ฮอนด้า CRF450 Rally ทำเวลารวมมาเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 40 ชั่วโมง 2.36 นาที นับเป็นการคัมแบ็กกลับมาสู่บัลลังก์แชมป์ ดาการ์ แรลลี่ ประเภทจักรยานยนต์ได้อีกครั้งของ ฮอนด้า ในรอบ 31 ปี นับเป็นความสำเร็จครั้งแรกในรอบ 8 ปี หลังจากที่ทีมโรงงาน ฮอนด้า คัมแบ็ก สู่ ดาการ์ อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง

ริคกี้ บราเบ็ค ฉลองแชมป์​กับ ฮอนด้า ครั้งแรกในรอบ 31 ปี ใน ดาการ์ แรลลี่

รองแชมป์ในปีนี้เป็นของ ปาโบล กวินตานิลลา นักบิดชิลีจาก ร็อคสตาร์ อีเนอร์จี้ ฮัสกวาน่า แฟ็คตอรี เรซซิ่ง ตามหลัง 16.26 นาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของแชมป์เก่าอย่าง โทบี้ ไพรซ์ นักบิดออสซี่จาก เรดบูลล์ เคทีเอ็ม ที่สละเวลาในการแข่งขันสเตจ 7 ไปหลายนาทีเพื่อเข้าช่วยเหลือ กอนคาลเวส ก่อนที่เจ้าตัวจะจบปี 2020 ด้วยอันดับ 3 ตามหลัง 24.06 นาที

ด้านจอมเก๋าอย่าง โจอัน บาร์เรด้า บอร์ต นักบิดระดับตำนานของดาการ์ชาวสแปนิช จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี ฮอนด้า ทีม 2020 พารถแข่ง CRF450 Rally คว้าแชมป์ได้ 2 สเตจ ก่อนจะจบด้วยอันดับ 7 ของตารางเวลารวม