ดานิโล เปตรุชชี นักบิดร่างยักษ์ชาวอิตาเลียน ออกโรงชี้ว่ารถแข่ง เดสโมเซดิซี ของ ดูคาติ ยังคงต้องการความได้เปรียบในด้าน “ท็อปสปีด” เพื่อปรับปรุงเวลาต่อรอบ หากต้องการลุ้นแชมป์โลก โมโตจีพี

ดูคาติ ยังคงครองสถิติเป็นรถแข่งที่มีความเร็วสูงสุดเป็นอันดับ 1 ใน โมโตจีพี 2019 แม้จะถูก ฮอนด้า พัฒนาขึ้นมาท้าทายอย่างมากในปีที่ผ่านมาก็ตาม โดย อันเดรีย โดวิซิโอโซ นักบิดอิตาเลียนทำได้ในช่วงทางตรงของ มูเจลโล ด้วยท็อปสปีด 356.7 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในช่วงของการซ้อม

แม้ว่าพวกเขาจะมีจุดแข็งด้าน “ท็อปสปีด” แต่กลับยังเป็นรองคู่แข่งอย่างมากในการเข้าโค้ง ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถต่อกรกับ มาร์ค มาร์เกซ ได้ในปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี เปตรุชชี ยังคงเชื่อว่า “ท็อปสปีด” คือสิ่งที่ ดูคาติ จะต้องรักษาไว้ เพื่อเป็นจุดแข็งในการทำเวลาต่อรอบ หากต้องเสียเวลาในโค้งไป

“หนึ่งในจุดแข็งของเราคือท็อปสปีดในช่วงทางตรง” เปตรุชชี นักบิดอิตาเลียนเผย 

“แน่นอนว่า เรายังคงต้องการความเร็วสูงๆ เพราะมันช่วยแก้ปัญหาเรื่องของเวลาต่อรอบ นั่นคือข้อได้เปรียบที่คุณอาจได้มาหลายเสี้ยววินาที โดยปราศจากความเสี่ยงในโค้ง”

“ในปี 2019 เราเจอความท้าทายอื่น จากทีมโรงงานคู่แข่งซึ่งทำท็อปสปีดได้ดีสุดๆ  แต่มันไม่ได้เป็นผลมาจากเครื่องยนต์อย่างเดียว” เขาชี้ให้เห็นว่านอกจากเครื่องยนต์แล้ว ระบบแอโรไดนามิกส์, อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงความได้เปรียบในการเซ็ตติ้งมีผลต่อความเร็วสูงสุดด้วยเช่นกัน

ขณะที่ความหวังของวิศวกร ดูคาติ คือการรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งด้าน “ท็อปสปีด” ของรถแข่ง เดสโมเซดิซี ให้ได้อีกครั้งในปี 2020 พวกเขาก็ต้องเจอคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง ฮอนด้า ที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทอย่างโดดเด่นในเรื่องความเร็วทางรง นับตั้งแต่ปี 2019 นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่สามารถเสียเวลาในโค้งได้มากนัก

“เราเสียโอกาสในการลุ้นแชมป์โลกในปีที่ผ่านมา ซึ่งผมสามารถพูดได้ว่าเป็นผลมาจากการเข้าโค้งของรถแข่ง” เปตรุชชี เผย

“แต่ผมก็ไม่สามารถพูดได้ร้อยเปอร์เซ็น เกี่ยวกับความสามารถของรถแข่งของเรา เมื่อเปรียบเทียบกับรถของคู่แข่ง เพราะในโมโตจีพี ผมลงบิดรถแค่ค่ายเดียวนั่นคือ ดูคาติ ซึ่งปีแรกผมขี่รถแข่งซีอาร์ที แต่นั่นไม่ใช่รถแข่ง โมโตจีพี”

ท้ังนี้ เปตรุชชี มีงานหนักรออยู่ในการพัฒนาและทดสอบรถแข่ง ดูคาติ ในการทดสอบอย่างเป็นทางการของ โมโตจีพี ระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์นี้ ที่ เซปังฯ ประเทศมาเลเซีย