ความแข็งแกร่งของ “เฟอร์รารี่” ในปี 2019 โดยเฉพาะในครึ่งฤดูกาลหลัง ส่งผลให้สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่างมาก โดยเฉพาะเครื่องยนต์ของพวกเขา จนนำไปสู่ข้อเรียกร้องให้ เอฟไอเอ ตรวจสอบ เพื่ออธิบายความชัดเจนว่าถูกต้องตามกฎการแข่งขันหรือไม่?

ข้อเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ เฟอร์รารี่ ได้พัฒนาประสิทธิภาพเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ โดยเห็นถึงความได้เปรียบเหนือทีมอื่นๆ อย่างชัดเจน ด้วยการทำความเร็วต่อรอบเร็วกว่าทีมอื่นๆ มากถึง 0.8 วินาที ในบางสนาม

นับตั้งแต่ผ่านพ้นช่วงพักเบรกหนีร้อนของปี 2019 เฟอร์รารี่ กลับมาด้วยความแข็งแกร่ง โดยพวกเขาสามารถคว้าโพลไปได้ถึง 5 สนาม กับชัยชนะ 3 ครั้ง

การอัพเกรดชุดแอโรไดนามิคของรถแข่ง เฟอร์รารี่ ใน สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ช่วยทำให้พวกเขาแก้ไขปัญหาด้านสมดุลย์ของรถแข่ง โดยเฉพาะในการเข้าโค้งซึ่งเป็นปัญหาหลักของพวกเขาตลอดทั้งฤดูกาลนี้ จนสามารถเปลี่ยนแปลงความได้เปรียบด้านความเร็วให้กลายเป็นจุดแข็ง

สมรรถนะของ เฟอร์รารี่ ช่วยทำให้พวกเขาก้าวหน้าแซง เรดบูลล์ และยังก้าวกระโดดขึ้นไปฟาดฟันกับ เมอร์เซเดส ได้อย่างแข็งแกร่ง

ทฤษฎีหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ “อินเตอร์คูลเลอร์” และวิธีการควบคุมการรั่วไหลที่อาจทำให้น้ำมันจำนวนเล็กน้อยเข้าสู่กระบวนการเผาไหม้ และผลิตพลังงานเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ถูกคาดว่าเป็นหัวใจสำคัญของสมรรถนะของ เฟอร์รารี่

การใช้น้ำมันใน อินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งเชื่อว่ามีเพียง เฟอร์รารี่ เท่านั้นที่ใช้ระบบดังกล่าว ได้รับการอนุญาติตามกฎการแข่งขัน แม้ว่ากฎจะระบุว่า ระบบดังกล่าวจะต้องไม่ใช้ “ความร้อน” แฝงการระเหยในของเหลวใดๆ ยกเว้นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการเผาไหม้ในเครื่องยนต์เท่านั้น

Charles Leclerc [Phptp : F1]

และนี่เพียงพอที่จะทำให้ คู่แข่งของเฟอร์รารี่ เชื่อว่าสิ่งนี้คือส่วนสำคัญของความได้เปรียบ ซึ่งเป็นผลมาจากการอาศัยช่องโหว่ดังกล่าว และได้ขอให้ถูก “ชี้แจง” ว่าควรได้รับอนุญาตหรือไม่

ระบบการกู้คืนพลังงานของ เฟอร์รารี ยังเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจจากคู่แข่ง และเรียกร้องให้ เอฟไอเอ ตรวจสอบ

อย่างไรก็ดี คู่แข่งของ เฟอร์รารี่ เผยว่า พวกเขาไม่ได้รับการตอบสนองจาก เอฟไอเอ จากข้อเรียกร้องดังกล่าว ต่อความพยายามที่จะได้รับความชัดเจน

ทั้งนี้ ขั้นตอนของ เอฟไอเอ คือ ทีมแข่งที่ต้องการประท้วง หรือ ร้องเรียนกรณีใดๆ ก็ตามนั้น จะต้องยื่นเรื่องตรงไปที่ ฌอง ทอดต์ ประธานเอฟไอเอ เช่นเดียวกับที่ เฟอร์รารี่ ได้รับการตรวจสอบจาก FIA ด้วยข้อสงสัยในการใช้พลังงานจาก ERS และ แบ็ตเตอรี

ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว (กลางเดือนตุลาคม 2029) สื่อมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกอย่าง Motorsport.com ได้รับติดต่อจาก “คู่แข่งของเฟอร์รารี่” โดยได้รับข้อมูลว่า FIA ยังคงติดตามข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ในการทำงาน เพาเวอร์ ยูนิต ของ เฟอร์รารี่ ที่เกี่ยวข้องกับกฎด้านเทคนิคของ เอฟไอเอ ฟอร์มูล่าวัน เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ

ขณะเดียวกัน ยังระบุอย่างชัดเจนว่า “ยังไม่มีการรับการประท้วงใดๆ จากผู้แข่งขันที่มีต่อดีไซน์ในปัจจุบัน”

โดยการปราศจากการตอบสนองจาก เอฟไอเอ ต่อการเรียกร้องที่ชัดเจน ทำให้ คู่แข่งของเฟอร์รารี่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับวิธีดำเนินการต่อ ว่าจะเป็นอย่างไร…

จากนั้น เอฟไอเอ ได้ออกมาประกาศว่า เฟอร์รารี่ จะไม่ได้รับโทษใดๆ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมกับย้ำว่ากรณีนี้จะมีการสอบสอวนอย่างละเอียดอีกครั้ง

ล่าสุดในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เอฟไอเอ ได้ออกแถลงการณ์ถึงผลการสอบสวน เฟอร์รารี่ และประกาศว่าทีมแข่งจาก มาร์ราเนลโล ไม่มีความผิดใดๆ กับข้อกล่าวหาด้านเครื่องยนต์ของพวกเขาในปี 2019

อย่างไรก็ตาม ในวันพุธที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา 7 ทีมแข่งที่ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์เฟอร์รารี่ ได้แก่ แม็คลาเรน​,​ เมอร์เซเดส, เรซซิ่ง พอยต์, เรดบูลล์ เรซซิ่ง, เรโนลต์, อัลฟาทาวรี และ วิลเลียมส์ ได้ประกาศออกมาพร้อมๆ กันว่าพวกเขา “ตกใจ” และ “ประหลาดใจ” อย่างมากกับการตัดสินของ เอฟไอเอ ซึ่งชื่อว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงลับร่วมกันกับ เฟอร์รารี่ ในเรื่องนี้

โดยทั้ง 7 ทีม เชื่อว่า เอฟไอเอ และ เฟอร์รารี่ แบบตกลงกันอย่างลับๆ ถึงข้อกล่าวหาดังกล่าว ก่อนจะประกาศไม่ลงโทษใดๆ จนนำมาสู่ความไม่พอใจ และเรียกร้องให้ เอฟไอเอ ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริง รวมถึงขั้นตอนการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา

ทั้งนี้ หากพบว่าเครื่องยนต์ของเฟอร์รารี่ ผิดฎการแข่งขันจริง อาจนำไปสู่การถูกริบผลการแข่งขันทุกเรซในปี 2019 และทำให้มีผลย้อนหลังแก้ไขการแข่งขันประกาศออกมาใหม่อีกครั้ง

คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ถึงกรณีดังกล่าว และจับตาสถานการณ์ว่า เอฟไอเอ นั้น จะออกมาแสดงท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะนี่ไม่ได้เป็นเพียงการจับมือกันทำงาน แต่หากข้อกล่าวหาของทั้ง 7 ทีม เป็นจริงขึ้นมา นั่นหมายความว่า เอฟไอเอ และ เฟอร์รารี่ จะถูกตีตราว่า “ร่วมกันฮั้วผลการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมต่อฟอร์มูล่าวัน”