“เดอะสปาร์ตัน” ฮอร์เก ลอเรนโซ [Jorge Lorenzo] ลั่นยังเต็มเปี่ยมด้วยศักยภาพในวัย 33 ปี ชี้หากได้ “อาวุธ” ที่ยอดเยี่ยมจะยังสามารถคว้าแชมป์โลกโมโตจีพี [MotoGP] ได้อีกครั้ง พร้อมเผยมีเพียง 2 ตัวเลือกที่เหมาะสมนั่นคือ “ยามาฮ่า” และ “ดูคาติ”
แชมป์โลกพรีเมียร์คลาส 3 สมัย รีไทร์หลังจบฤดูกาล 2019 ของ โมโตจีพี เนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จในการย้ายไปร่วมงานกับ ฮอนด้า ทว้าหลังจากนั้นเขากลับเซ็นสัญญากลับมาทำงานให้กับ ยามาฮ่า ในฐานะนักบิดทดสอบ
ลอเรนโซ ได้รับการยืนยันว่าจัถูกส่งลงบิดด้วยสิทธิ์ไวด์การ์ด ในศึก คาตาลัน กรังด์ปรีซ์ กับ ยามาฮ่า ก่อนที่การระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโคโรน่า จะทำให้ ดอร์น่า ประกาศยกเบิกการส่งนักบิดไวด์การ์ดลงแข่งในปี 2020 เพื่อควบคุมจำนวนสมาชิกของทีมภายในพิตและแพ็ดด็อค
ขณะที่ความเชื่อมโยงในการคัมแบ็กแบบเค็มฤดูกาลของ ลอเรนโซ กับ ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ก็ดูจะริบหรี่ลงไป เพราะกระแสข่าวดังกล่าวนั้น วาเลนติโo รอสซี่ ใกล้จะได้ข้อสรุปกับทีมมาเลเซียน
นอกจากนี้ ล่าสุด ลอเรนโซ ยังมีข่าวลื่อว่ากำลังเจรจากับ ดูคาติ เพื่อคัมแบ็กในฤดูกาลหน้า เนื่องจาก อันเดรีย โดวิซิโอโซ ยังไม่ตอบรับสัญญาฉบับใหม่ของทีมแข่งสีแดงเพลิง
อย่างไรก็ดี ในการให้สัมภาษณ์ผ่าน MotoGP.com ลอเรนโซ กล่าวถึงกระเด็นนี้ว่า “มันไม่จริง…”
“จริงอยู่ที่ผมสนิทกับ จีจี้ (ดัลลิลญ่า) มาก นับตั้งแต่เราร่วมงานกันในรุ่น 125 ซีซี กับ เดอร์บี จากนั้นเราคว้าแชมป์โลก 250 ซีซี ด้วยกัน แน่นอนว่าเราต่างก็เชื่อมันซึ่งกันและกันมาก”
“ดังนั้น เขาจึงโทรหาผมทุกวันเกิด และพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตของเรา และครอบครัว แต่มันไม่ได้มีอะไรเป็นทางการ”
“สำหรับในตอนนี้ ผมมีความสุขดี สนุกกับหลายสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ตอนเป็นนักบิดอาชีพ แต่ผมไม่สามารถบอกได้เลยว่า ไม่คิดถึงความรู้สึกในการคว้าชัยชนะ การฉลองร่วมกับทีม”
“นั่นคือเหตุผลที่หากมีโอกาสกลับไปคว้าแชมป์โลกอีกสมัย ผมจะไม่ปฏิเสธ และพร้อมรับฟังข้อเสนอ เพราะสำหรับผมแล้ว สิ่งที่จะปลุกผมให้ตื่นขึ้นและมีแรงจูงใจอีกครั้ง คือ ชัยชนะ”
“ผมเชื่อว่าด้วยวัย 33 ปี ผมยังมีศักยภาพเต็มเปี่ยม และด้วยอาวุธที่ยอดเยี่ยม ผมจะสามารถคว้าแชมป์โลกได้อีกครั้ง”
“สำหรับผมมีเพียง 2 ทางเลือกเท่านั้นที่เป็นไปได้ หากจะคัมแบ็กลงบิดแบบเต็มฤดูกาลอีกครั้ง ด้วยการสามารถคว้าแชมป์โลก นั่นคือเซ็นสัญญากับ ยามาฮ่า ในฐานะนักบิดทีมโรงงงานคนที่ 4 ในปี 2021 หรือกลับไปร่วมงานกับ ดูคาติ”
“มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” ลอเรนโซ ทิ้งท้าย
