“ท็อปกัน” มาเวริค บีญาเลส นักบิดรูปหล่อชาวสแปนิช จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เผยถึงสาเหตุที่ “กระโดด” ลงจากรถแข่ง M1 ที่โค้ง 1 เรดบูลล์ ริง ด้วยความเร็ว 209 กม./ชม. ของ สตีเรียน กรังด์ปรีซ์ ชี้เพราะ “เบรกล้มเหลว” จนต้องทิ้งรถแข่งหนีตายเอาตัวรอด ย้ำไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต

นักบิดยามาฮ่า ต้องเจอปัญหากับระบบเบรกตลอดทั้งสุดสัปดาห์ของ เรดบูลล์ ริง ทั้ง 2 ครั้ง โดยในศึก ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์, ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ก็ต้องหลุดออกจากแทร็กเพราะปัญหาระบบเบรก ซึ่งเจ้าตัวออกมาชี้แจงว่าอันตรายสุดๆ

บีญาเลส ถูกแซงโดย อันเดรีย โดวิซิโอโซ ในช่วงต้นเรซของ สตีเรียน กรังด์ปรีซ์ ก่อนที่นักบิดยามาฮ่าจะร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 10 และเริ่มมีปัญหาในระบบเบรก ปัญหาดังกล่าวทำให้เขาต้องลดความเร็วลงเรื่อยๆ จนตกลงไปถึงอันดับ 13

จากนั้นในรอบที่ 17 ก่อนเข้าสู่โค้ง 1 บีญาเลส เจอปัญหากับเบรกหน้าอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะตัดสินใจกระโดดออกจากรถแข่ง M1 ส่งผลให้รถแข่งที่เบรกไม่อยู่พุ่งไปชนกับกำแพงยางจนมีไฟลุกท่วม กรรมการต้องตีธงแดง

หลังจากรีสตาร์ท ชัยชนะตกเป็นของ มิเกล โอลิเวียร่า นักบิดโปรตุกีสจาก เคทีเอ็ม เทคทรี ที่คว้าแชมป์ครั้งแรกในพรีเมียร์คลาส ตามด้วย แจ็ค มิลเลอร์ และ โปล เอสปาร์กาโร

บีญาเลส เผยหลังจบเรซว่า “ผมรู้สึกว่าตัวเองเร็วมากและทำได้ดีสุดๆ ในรอบแรก ผมไล่กดดัน โดวิซิโอโซ แต่เรากลับไม่มีความเร็วมากพอ คุณก็เห็นว่าผมไม่สามารถแซงเขาได้”

“ผมแซงได้แค่ครั้งเดียว และบอกกับตัวเองว่า โอเคย์ ตอนนี้เราจะก้าวไปข้างหน้าแล้ว แต่หลังจากนั้นเขากลับแซงผมคืนได้อย่างง่ายดายในช่วงทางตรง”

“ผมเพียงต้องรอจังหวะที่เหมาะสม แต่หลังจากนั้นผมกลับเริ่มมีปัญหากับแรงกดที่เบรกหน้าผมหลุดจากแทร็กไปแล้ง 1 ครั้ง”

“ผมทำเวลาต่อรอบ 3 รอบช้ามากๆ (1.26) จากนั้นผมเริ่มเค้นกลับมาที่ 1.24 ก่อนที่ เบรกจะมีปัญหาอีกครั้งทำให้ กวาร์ตาราโร, รอสซี่ และ เปตรุชชี แซงขึ้นไป”

“แต่หลังจากนั้น เบรกผมเริ่มกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ผมกดเวลามา 1.22 และ 1.24 ในยางมีเดียม ผมกู้คืนระยะห่างจาก วาเลนติโน และ ฟาบิโอ ได้เยอะมาก แต่ในทันใดนั้น เบรกของผมก็ล้มเหลวอย่างเฉียบพลันในโค้ง 1 มันแย่มากที่ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้เลย”

เมื่อถามว่าเขามีปัญหากับ “เบรก” มาก่อนหรือไม่?

บีญาเลส กล่าวว่า “ไม่ ไม่ มันคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมเลย ตลอดอาชีพการเป็นนักบิดโมโตจีพี”

“ผมปรับคันโยกทุกๆ รอบ แต่ในทุกๆ รอบผมเองก็ปรับไปทีละโค้ง ดังนั้น ผมจึงไม่สามารถทำอะไรได้”