มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลกโมโตจีพี 6 สมัยผู้มาจากต่างดาวของ เรปโซล ฮอนด้า เปิดใจว่าการขึ้นครองบัลลังก์ในปี 2019 นับเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในชีวิต เหนือกว่าปี 2014 ที่คว้าแชมป์ได้ถึง 13 สนาม

มาร์เกซ ขี่ด้วยความอดทน และจัดการคว่ำ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ในรอบสุดท้ายคว้าชัยชนะ 2 ปีติดต่อกัน ในศึก พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ พร้อมกับก้าวขึ้นฉลองแชมป์โลกรวมทุกรุ่น 8 สมัย และเป็นการคว้าแชมป์โลกพรีเมียร์คลาสสมัยที่ 6 ในประเทศไทย

ในปี 2014 เป็นฤดูกาลที่ 2 ที่ มาร์เกซ ขยับขึ้นมาแข่งขันในพรีเมียร์คลาส และเป็นปีที่เขาคว้าชัยชนะได้มากถึง 13 สนาม คว้าโพลโพซิชั่นได้ 13 ครั้ง และทำฟาสเตสต์แล็ปได้ 12 สนาม เก็บแต้มมากถึง 362 คะแนน ทำให้ทุกคนขนานนามว่าเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของ “นักบิดต่างดาว” เลยก็ว่าได้

นักบิดสแปนิชวัย 26 ก้าวเข้าสู่ฤดูกาลที่ใกล้เคียงกับคำว่า “เพอร์เฟ็ค” มากที่สุด เพราะเขาจบเรซด้วยอันดับ 2 ขึ้นไปแทบทุกสนาม หากไม่รวมเรซที่ ออสติน ซึ่งพลาดล้มไป

มาร์เกซ เปิดใจว่าปีนี้คือฤดูกาลที่ดีที่สุดของตนเอง นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาบิดใน โมโตจีพี เพราะเป็นปีที่มีการแข่งขันสูงมาก หากเทียบกับปี 2014 ซึ่งมีเพียง ฮอนด้า และ ยามาฮ่า เท่านั้นที่สามารถต่อสู้เพื่อลุ้นแชมป์โลกกัน ต่างจากปีนี้ที่รถแข่งจากทีมโรงงานทุกทีม สามารถที่จะคว้าชัยชนะได้

มาร์ค มาร์เกซ ฉลองแชมป์โลกอย่างยิ่งใหญ่ที่ บุรีรัมย์

“มันคือฤดูกาลที่ดีที่สุดของผมใน โมโตจีพี” มาร์เกซ เผย

“ปี 2014 ผมชนะ 13 สนามก็จริง แต่ด้วยความสัตย์จริง ในตอนนั้นมีความแตกต่างอย่างมาก ของรถแข่งจากทีมโรงงานต่างๆ”

“ตอนนี้ เราอยู่ในฤดูกาลที่มีการแข่งขันสูงมาก ทีมโรงงานใหญ่ทั้ง 4 ทีม ต่างก็สามารถต่อสู้เพื่อชัยชนะ”

“แต่แน่นอน เราคือคนที่ยืนระยะได้ดีที่สุด โดยเฉพาะการมุ่งมั่นแก้ปัญหาในจุดอ่อนของเรา และเราสามารถจัดการจุดอ่อนของตนเองได้อย่างดี เราเอาตัวรอดได้ยอดเยี่ยมแม้ในหลายๆ เรซที่ยากมากๆ ก็ตาม”

“ผมต้องการกล่าวคำขอบคุณไปยังทีมของผม เพราะสำหรับนักบิดแล้วมันง่ายมากที่จะรักษามาตรฐานการบิดของตนเอง แต่สำหรับทีมงานซึ่งมีผู้คนมากมาย มันไม่ง่ายเลยที่จะรักษามาตรฐานในการทำงานให้ดีอย่างต่อเนื่อง”

“พวกเขาสามารถทำมันได้สำเร็จ และนี่คือปัจจัยสำคัญที่พาเราไปสู่แชมป์โลกในปีนี้”

กับการคว้าแชมป์โลกในปี 2019 นั้น มีเพียงปีเดียวที่ มาร์เกซ พลาดการคว้าแชมป์โลกหลังจากขยับขึ้นมาบิดในพรีเมียร์คลาส นั่นคือปี 2015 โดยปีนั้น ฮอร์เก ลอเรนโซ คว้าแชมป์โลกไปครองขณะที่อยู่กับ ยามาฮ่า