โยฮันน์ ซาร์โก นักบิดเฟรนช์ผู้คืนชีพกับ แอลซีอาร์ ฮอนด้า เผยว่าเขาสามารถปรับตัวเข้ากับรถแข่ง RC213V ได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อว่าจะปรับปรุงจนทำความเร็วได้ดีขึ้น ชี้เครื่องยนต์ฮอนด้ามีพละกำลังที่ดีมาก พร้อมกับกล่าวว่าจะใช้ประโยชน์จากมันเพื่อล่าอันดับในกลุ่มหน้าให้ได้

ซาร์โก ฉายแววไม่ออกกับการย้ายไปร่วมงานกับทีมโรงงาน เคทีเอ็ม ในปี 2019 จนต้องประกาศแยกทางกันในที่สุด ก่อนหมดสัญญา 2 ปีที่เซ็นกันไว้ แถมล่าสุดยังถูกทีมถอดออกจากการเป็นนักบิดกลางคันทั้งที่ยังไม่หมดฤดูกาล

อย่างไรก็ดี แอลซีอาร์ ฮอนด้า ได้ทาบทาม ซาร์โก ให้มาเป็นนักบิดของทีมแทนที่ ทาคาอากิ นาคากามิ ซึ่งเข้ารับการผ่าตัดที่หัวไหล่ ส่งผลให้นักบิดฝรั่งเศสได้ลงทำหน้าที่แทนเขาใน 3 สนามสุดท้าย

ซาร์โก ออกสตาร์ทสนามแรกกับ ฮอนด้า ด้วยการคว้าอันดับ 13 ตามหลังแชมป์อย่าง มาร์ค มาร์เกซ เพียง 26.758 วินาที แถมตลอดทั้งเรซ เขายังไล่บี้อย่างสนุกกับ อดีตทีมเมทใน เคทีเอ็มอย่าง โปล เอสปาร์กาโร ได้อย่างเข้มข้น

ในการแข่งขัน มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ นับเป็นสนามที่ 2 ของ ซาร์โก กับ ฮอนด้า โดยเขาทำเวลารวมมาเป็นอันดับ 10 จากการซ้อมรวม 3 ครั้ง ทะลุเข้าสู่รอบ Q2 โดยอัตโนมัติ ก่อนจะคว้ากริดที่ 9 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 59.139 วินาที ตามหัวแถวอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร รุ่นน้องชาวฝรั่งเศส 0.836 วินาที 

ซาร์โก เปิดเผยว่า “ผมต้องการทำเวลาเข้าสู่รอบ Q2 ให้ได้ และเราก็ทำได้จริงๆ เราเริ่มงานกันได้ดีในสุดสัปดาหืนี้ ตั้งแต่การซ้อมครั้งแรก และผมเองก็ปรับตัวเข้ากับรถแข่งฮอนด้าได้ดีขึ้น”

“ในรอบ Q2 ผมพยายามปรับปรุงเวลาต่อรอบให้ดีขึ้น แต่บางทีก็ไม่ได้อย่างที่หวัง เรายังไม่เร็วพอ ในรอบสุดท้ายผมได้ลงขี่ตาม วาเลนติโน รอสซี่ มันเยี่ยมมากที่เราได้เห็นแนวทางการขี่ของเขา และการไล่ตามเขา”

“ผมพลาดนิดหน่อยในโค้งสุดท้าย ดูเหมือนจะทำให้เสียเวลาไปนิดหน่อย คงต้องปรับปรุงอีกหน่อยเพื่อแก้ไขสำหรับโค้งสุดท้าย แต่กริดที่ 9 ก็โอเคนะ” ซาร์โก กล่าว

ขณะเดียวกัน ซาร์โก ยังกล่าวถึง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร รุกกี้เฟรนช์ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติของเขาว่า “ฟาบิโอ มีความเร็วมากๆ เขาทำงานของตัวเองได้ดี ส่วนผมเองได้ออกตัวจากกริดที่ 9 เราจะมาดูกันในวันพรุ่งนี้ เพราะเครื่องยนต์ของผมค่อนข้างเร็วทีเดียว เราจะพยายามใช้ประโยชน์จากมันเพื่อไล่อันดับกับหลุ่มหน้า เพื่อให้เป็นเรซที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

ซาร์โก กล่าวถึงการปรับตัวเข้ากับรถแข่ง RC213V ว่า “ผมเพิ่งได้ขี่มันครั้งแรกที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ โดยรวมก็ถือว่าทำงานได้ดี และตอนนี้ก็ปรับตัวเข้าหารถได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เรากำลังเดินไปในทิศทางที่ดี และผมรู้สึกว่าสามารถไปได้เร็วกว่านี้กับรถแข่ง RC213V แต่มันก็ไม่ง่ายนัก เราต้องทำงานหนักเพื่อทำความเข้าใจมันต่อไป ผมหวังว่าเรซนี้เราจะทำผลงานกันได้ดี”

ทั้งนี้ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ 2019 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายนนี้ เวลา 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย