ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยอดนักบิดดาวรุ่งเลือดน้ำหอม เปิดเผยว่า “ยามาฮ่า” ได้ยื่นข้อเสนอมอบ “รถแข่ง M1 สเป็คโรงงาน” ให้ใช้ลงบิดตั้งแต่ปีนี้ เป็นเงื่อนไขสำคัญเพื่อแย่งตัวกับคู่แข่งอย่าง “ดูคาติ” และ “ซูซูกิ” ในการเซ็นสัญญาขึ้นสู่ทีมโรงงานในฤดูกาล 2021-2022  

เจ้าของตำแหน่ง “รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์ 2019” ชาวออสซี่ ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการ หลังเซ็นสัญญาร่วมทีมโรงงานยามาฮ่าในศึก โมโตจีพี เพื่อก้าวขึ้นเป็นนักบิดตัวหลักในปี 2021-2022 แทนที่ของสตาร์รุ่นใหญ่ของวงการอย่าง “เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่

แต่จะถึงฤดูกาลหน้านั้น นักบิดเฟรนช์วัย 20 ปี จะยังคงร่วมงานกับทีมแซ็ตเทิลไลต์อย่าง ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ด้วยการเปลี่ยนไปใช้รถแข่ง M1 เวอร์ชั่นเทียบเท่ากับ มาเวริค บีญาเลส และ รอสซี่ หลังจากที่ใช้รถแข่ง “สเป็ค บี” ในปีแรกของการแข่งขันพรีเมียร์คลาส

กวาร์ตาราโร กล่าวว่า การได้รับโอกาสให้ลงแข่งขันด้วยรถแข่งสเป็คโรงงานในฤดูกาลนี้ เป็นผลมาจากการตัดสินใจที่จะอยู่ในทีมยามาฮ่าต่อไป แต่นักบิดดาวรุ่งเฟรนช์ก็ยอมรับว่า เขาเองก็ต้องการเวลาในการพิจารณาข้อเสนอจากทีมคู่แข่งอย่าง ดูคาติ และ ซูซูกิ ด้วย

“มันเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ทำให้ผมชั่งน้ำหนักในการตัดสินใจของผม ที่จะยอมรับข้อเสนอของทีมโรงงานในปี 2021-2022” กวาร์ตาราโร กล่าว 

“ไม่ว่าจะเป็น มาเวริค หรือ ตัวผมเอง ผมก็คิดว่า ยามาฮ่า เชื่อมั่นในศักยภาพของเรา”

“ตั้งแต่เดือนธันวาคม ผมรู้สึกได้ว่าพวกเขา (ยามาฮ่า) มีความปรารถนาอย่างแท้จริง ที่จะทำงานร่วมกับผมต่อไป ทำให้ผมเข้าใจได้ว่าพวกเขาต้องการตัวผมจริงๆ และในตอนนี้พวกเขาก็มีความพยายามอย่างมากในการปรับปรุงรถแข่ง ผมคิดว่าพวกเขากำลังมองไปอยู่อนาคตด้วยความมุ่งมั่น”

“เราใช้เวลาพอสมควรเลยละ สำหรับการพิจารณาข้อเสนอต่างๆ ที่ได้รับ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ตอบรับตั้งแต่แรก ทว่าอย่างที่ผมบอกไป ยามาฮ่าได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่น โดยเฉพาะการมอบรถแข่งสเป็คโรงงานให้ผมตั้งแต่ปีนี้ และ ยามาฮ่า ก็คือรถแข่งที่ผมคุ้นเคยมากที่สุด และรู้จักดี”

“ผมคิดว่ามันจะเป็นเรื่องดีหากเราอยู่กับแบรนด์เดิมเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งนั่นเป็นผลดีต่อตัวเอง ฉะนั้น ยามาฮ่า จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” กวาร์ตาราโร กล่าว