โปล เอสปาร์กาโร [Pol Espargaro] นักบิดสแปนิชจาก เคทีเอ็ม [KTM] แสดงทรรศนะส่วนตัวว่า ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร [Fabio Quartararo] ดาวรุ่งเฟรนช์ของ ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที จะก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกคนต่อไป และใกล้เคียงมากในปีนี้

กวาร์ตาราโร ออกสตาร์ทฤดูกาลแรกในฐานะรุกกี้ของ โมโตจีพี ได้อย่างร้อนแรงกับต้นสังกัด ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ในปี 2019 ด้วยการพารถแข่ง M1 สเป็คตำ่กว่าทีมโรงงาน 1 ปี คว้าโพลได้ถึง 6 ครั้ง และขึ้นโพเดี้ยมได้ถึง 7 สนาม

ดาวรุ่งเฟรนช์จบฤดูกาลด้วยการรั้งอันดับ 5 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ โมโตจีพี 2019 พร้อมกับผงาดคว้าตำแหน่ง รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์ ประจำฤดูกาลที่ผ่านมาไปครอง

การก้าวขึ้นมาต่อกรกับ มาร์ค มาร์เกซ ได้อย่างเข้มข้น 2 ครั้งที่ มิซาโน และประเทศไทย ส่งผลให้ กวาร์ตาราโร ถูกจับตามองอย่างมาก ขณะที่ โปล เอสปาร์กาโร นักบิดจากทีมโรงงาน เคทีเอ็ม มองว่า กวาร์ตาราโร ที่ได้รับการดูแลที่ดีขึ้น พร้อมกับมอบรถแข่ง M1 สเป็คโรงงานให้ในปี 2020 ทำให้เขามีโอกาสอย่างมากที่จะขยับขึ้นมาลุ้นแชมป์โลกได้

“มันก็เป็นไปได้นะ” เอสปาร์กาโร เผยผ่าน สกาย อิตาเลีย

กวาร์ตาราโร ทำผลงานยอดเยี่ยมในการทดสอบทั้งที่ มาเลเซีย และ กาตาร์ ทว่าฤดูกาล 2020 ของ โมโตจีพี ยังไม่สามารถเริ่มต้นได้

“เขาเป็นนักบิดที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งในกริด โมโตจีพี, ยังหนุ่มแน่น, มีความกระหาย ไม่เกรงกลัวสิงใดทั้งสิ้น และแน่นอนว่าเขาอยู่ในทีมที่ยอดเยี่ยม”

“แต่ตอนนี้งานของเขาจะยากขึ้น เพราะมันไม่ง่ายที่จะเลือกชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อป้อนให้กับรถแข่งคันใหม่ เพื่อนำไปสู่ความเร็วได้ เขาอาจทำพลาดในบางสิ่ง และเขาจำเป็นต้องจัดการกับตัวเองเพื่อพัฒนา, เพื่อจัดการแรงกดดัน และสร้างผลงานที่ดี”

“ตอนนี้เขาได้ในสิ่งที่ดีที่สุด (รถแข่ง M1) และมีข้อตกลงเช่นเดียวกับ 2 นักบิดที่ดีที่สุดบนกริดสตาร์ทอย่าง มาเวริค บีญาเลส และ วาเลนติโน รอสซี่”

“แต่มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา” เอสปาร์กาโร กล่าว

ทั้งนี้ ในฤดูกาล 2021 กวาร์ตาราโร จะขยับขึ้นไปบิดให้กับทีมโรงงานยามาฮ่า แทนที่ของ รอสซี่ ซึ่ง เอสปาร์กาโร ชี้ว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องของ ยามาฮ่า เพื่อก้าวสู่อนาคต

“ยามาฮ่า ต้องมองไปถึงอนาคต โฟกัสในสิ่งที่จะก้าวเข้ามาในปีต่อๆ ไป”

อย่างไรก็ดี เอสปาร์กาโร ยังคงกล่าวว่า “สำหรับ รอสซี่ เขายังคงแข็งแกร่งเสมอ มีมูลค่าที่ยอดเยี่ยมทางการตลาด และแน่นอนว่าเขาได้รับความนิยมสูงสุดจากแฟนๆ ทั่วโลก”

“แต่ ยามาฮ่า ต้องการชนะด้วยการทำงานกับเด็กหนุ่ม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งระยะยาวให้กับทีมของพวกเขา” เอสปาร์กาโร ทิ้งท้าย