เมอร์เซเดส ทีมแชมป์โลกผู้สร้าง 8 สมัยในศึกฟอร์มูล่าวัน ยื่นประท้วง เอฟไอเอ กับการควบคุมการแข่งขัน อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ ในช่วงตัดสินแชมป์โลกนักขับ จากเหตุการณ์รีสตาร์ทหลังเซฟตี้คาร์ท้ายเรซ

ลูอิส แฮมิลตัน ทำท่าจะคว้าชัยชนะแบบไม่ต้องลุ้นอะไรแล้วกับการแข่งขันที่ ยาส มารีน่า เซอร์กิต ทว่าในช่วง 6 รอบสุดท้าย อุบัติเหตุของ นิโคลาส ลาติฟี ซึ่งทำให้เซฟตี้คาร์ต้องออกมาวิ่งเคลียร์เคลียร์แทร็ก กลับกลายเป็นจัดเปลี่ยนทุกอย่างในเรซนี้

ขณะที่ เวอร์สแท็พเพ่น และ เปเรซ ถูกเรียกเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนใส่ยางซอฟท์มาเพื่อไล่อันดับจาก แฮมิลตัน ซึ่งนั่นคือไพ่ใบสุดท้ายของ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ และทีมพิตของ เรดบูลล์

เรซ ไดเร็กเตอร์ สั่งให้มีการปล่อยรถแข่งน็อกรอบขยับแซงผ่าน เซฟตี้คาร์… จนเป็นข้อกังขาของ โตโต้ โวล์ฟ ทีมบอส เมอร์เซเดส อย่างมาก

เซฟตี้คาร์ กลับเข้าพิต เหลือรอบในการแข่งขัน 1 รอบระหว่าง เวอร์สแท็พเพ่น ในยางซอฟท์ใหม่ และ แฮมิลตัน กับยางฮาร์ดที่ใช้งานมากว่า 40 รอบสนาม

ท้ายที่สุดเป็น เวอร์สแท็พเพ่น ที่พลิกแซงขึ้นนำได้สำเร็จ และควบรถแข่งเข้าป้ายเป็นคันแรก ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยแรกไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ตามด้วย แฮมิลตัน และ คาร์ลอส ซายน์ซ นักขับสแปนิชจาก เฟอร์รารี่

ล่าสุด ภายใน 30 นาทีหลังจบเรซ เมอร์เซเดส ได้ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการถึง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรซนี้ โดยให้เหตุผลว่า ในช่วงเซฟตี้คาร์ 3 รอบสุดท้าย ไมเคิล มาซี, เรซ ไดเร็กเตอร์ ประกาศว่าไม่อนุญาตให้ “รถน็อกรอบ” แซงผ่าน “เซฟตี้คาร์”

ทว่าในภายหลังกลับประกาศให้ “แซงผ่านได้ ส่งผลให้ เหลือเพียง แฮมิลตัน และ เวอร์สแท็พเพ่น ที่ต้องดวลกันโดยไม่มีรถคันใดกั้น แถมยางของ เวอร์สแท็พเพ่น ก็เป็นยางซอฟท์ใหม่ ส่วน แฮมิลตัน เป็นยาง ฮาร์ด ที่ใช้งานมาแล้วกว่า 40 รอบสนาม

เมอร์เซเดส กล่าวเสริมว่า “จะไม่ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมใดๆ เกี่ยวกับรายละเอียดนั้น จนกว่าจะมีการพิจารณาคดี”

โดยหนึ่งในหัวข้อของการประท้วงอยู่ภายใต้กฎขอ 48.8 ของกฎการแข่งขันซึ่งระบุว่า “ห้ามไม่ให้นักขับคนใดแซงรถแข่งคันอื่นบนแทร็ก รวมถึง เซฟตี้คาร์ จนกว่าจะผ่านเส้น (เส้นตัดรอบ, สามารถดูรายละเอียดในกฎข้อที่ 5.3) เป็นครั้งแรกหลังจากที่ เซฟตี้ คาร์ กลับมาที่พิต”

และดูเหมือนว่า เวอร์สแท็พเพ่น จะขับมาตีคู่แบบใกล้ชิดกับ แฮมิลตัน ในโค้งที่ 12 ของรอบที่ 57 ก่อนการรีสตาร์ทในรอบที่ 58

ซึ่ง เรซ ไดเร็กเตอร์ มีคำสั่งให้ แลนโด้ นอร์ริส เฟอร์นันโด อลองโซ, เอสเตบัน โอคอง, ชาร์ลส์ เลอแคลร์ และ เซบาสเตียน เวทเทล แซงผ่าน เซฟตี้คาร์ไป ทว่ากลับมีรถแข่งอีกจำนวนหนึ่งได้แก่ แดเนียล ริคคิอาร์โด, แลนซ์ สโตรลล และ มิค ชูมัคเกอร์ ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้แซงผ่านขึ้นไป