“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ออกโรงแสดงความไม่พอใจต่อ “รูปแบบ” การแข่งขัน โมโตจีพี ยุคปัจจุบัน ที่จัดให้มี “สปรินต์ เรซ” ทุกสนาม ซึ่งเจ้าตัวมองว่าเป็นแนวทางที่ผิด

โมโตจีพี เปิดตัวการแข่งขัน “สปรินต์เรซ” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยเพิ่มโปรแกรมดังกล่าวเข้ามาทุกวันเสาร์ของทุกสนาม มีเพียงการแข่งขันที่ ออสเตรเลีย เท่านั้นที่ถูกยกเลิกไปเนื่องจากสภาพอากาสไม่อำนวย

ไอเดียดังกล่าวของ “สปรินต์ เรซ” ช่วยเพิ่มเม็ดเงินให้กับการแข่งขันที่ได้จากแฟนๆ ในสนามมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีแฟนรับชมผ่านการถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้นจำนวนมากในวันเสาร์

อย่างไรก็ดี ในฤดูกาล 2023 กลับไม่มีแม้แต่สนามเดียว ที่มีนักแข่ง (ฟูลไทม์) ลงแข่งขันเต็มกริดสตาร์ทในรอบ “เมนเรซ” ซึ่งนักบิดหลายคนตำหนิว่าเป็นสาเหตุมาจากโปรแกรมที่เพิ่มเข้ามา

“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และนี่คือปัญหาใหญ่” กวาร์ตาราโร เผย

“ผมคิดว่ามันคือกีฬาที่อันตรายอยู่แล้ว แต่ในฐานะนักบิด ผมยืนยันได้เลยว่าการแข่งขันระยะสั้น (สปรินต์) คุณจะเหนื่อยกว่าการวิ่งระยะยาวมาก”

“และด้วยลักษณะทางกายภาพของรถแข่งที่เราใช้ มีขนาดใหญ่มากขึ้นทุกปี และผมไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องแข่ง สปรินต์ ในทุกๆ สุดสัปดาห์”

“ผมไม่ใช่คนจัดการทุกอย่าง ผมไม่รู้ว่านักแข่งคนอื่นๆ มีความเห็นยังไง แต่ผมไม่คิดว่านั่นคือวิธีที่ถูกต้อง”

“ตอนนี้มันเป็น 42 หรืออาจ 44 เรซ อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่น่าเสียดายที่เราทำการแข่งขันทั้งหมดนี้ และได้เห็นว่านักแข่งจากกริดเดิมทั้งหมด ไม่สามารถลงแข่งขันในเมนเรซได้พร้อมกัน ดังนั้น มันจึงน่าเสียดายมาก”