มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลกพรีเมียร์คลาส 6 สมัยจาก เกรซินี เผยหลังพลิกสถานการณ์คว้าชัยชนะในศึก ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันอาทิตย์ ภายใต้ความวุ่นวายของเรซ เจ้าตัวชี้คงชนะไม่ได้หาก “ไม่มีฝน” ที่ มิซาโน
เจ้าของรถแข่งหมายเลข 93 เริ่มเกมจากกริดที่ 9 ทำให้การลุ้นตำแหน่งกลุ่มหน้าเป็นไปได้ยาก ทว่าเมื่อเข้าสู่รอบที่ 7 กลับมีฝนปรอยลงมาบางๆ ส่งผลให้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญ
โดย ฮอร์เก มาร์ติน จ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมจาก พรามัค ตัดสินใจเข้าพิต ขณะที่นักบิดกลุ่มหน้าคนอื่นตัดสินใจบิดต่อ และหลังจากนั้น มาร์เกซ ก็อาศัยประสบการณ์ไล่แซงขึ้นไปสู่ตำแหน่งหัวแถว ก่อนจะคว้าชัยชนะ 2 เรซติดต่อกัน
มาร์เกซ ยอมรับว่าด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป จากที่มีฝนปรอยลงมา ทำให้เขาสามารถขยับขึ้นไปต่อสู้ในกลุ่มหน้าได้
“นี่คือหนึ่งในสนามที่เราไม่คาดคิด โดยเฉพาะการออกตัวจากกริดที่ 9 ถ้าปราศจากฝนที่ปรอยลงมา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะต่อสู้กับกลุ่มหน้า” มาร์เกซ เผยหลังจบเรซด้วยการคว้าชัยชนะที่ มิซาโน
“เรารู้ว่าพาร์ตที่ 2 (ครึ่งหลัง) ของเรซ เราแข็งแกร่งมาก และสำหรับผมนั่งคือสิ่งสำคัญ”
“โอเค… จุดเปลี่ยนแรกคือการขึ้นนำการแข่งขัน แต่อีกอย่างที่เราต้องคำนึงถึงคือการเพิ่มระยะห่างจาก แชมป์โลก อย่าง เป็คโก้ ที่เร็วสุดๆ ที่นี่”
“ผมสามารถขี่ในทิศทางที่ดี เร็วมาก และป้องกันตำแหน่งในช่วงแรกในครึ่งหลังของเรซ และจากนั้นเราก็สามารถเค้นได้ในช่วงรอบท้ายๆ”
สำหรับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในการแข่งขัน คือเมื่อฝนปรอยลงมาในรอบที่ 7 และ ฮอร์เก มาร์ติน ตัดสินใจที่จะเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนรถแข่งสำหรับยางฝน
มาร์เกซ กล่าวว่า เขาไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าพิตในตอนนั้น แม้จะเห็นว่า ฟรานโก มอร์บิเดลลี ล้มไปก่อนหน้านั้นท่ามกลางสายฝน แต่ยอมรับว่าหากสภาพอากาศแย่ลงในรอบถัดไป เขาจะเข้าพิตเหมือนกัน
“ไม่,” มาร์เกซ ตอบถึงสิ่งที่ มาร์ติน ทำ (การเข้าพิต)
“แน่นอนว่าหากฝนตกแบบนี้อีกสักรอบ อาจจะถึงเวลาต้องเข้าพิตแล้วจริงๆ ก็ได้”
“โดยเฉพาะเมื่อผมเห็นว่าไม่มีใครเข้าพิต และมีนักบิดเพียงคนเดียวที่เข้าไป คุณจำเป็นที่จะต้องขี่ต่อไป และนั่นคือสิ่งที่ผมทำ”
“ผมควบคุมรถได้ดี แต่ในรอบถัดไปผมเริ่มโจมตี และทุ่มสุดตัว ผมเห็นนักบิดบางคนล้มเพราะแทร็กเปียกที่โค้ง 1-2 แต่เราจัดการได้ดี”
มาร์เกซ ยอมรับว่า “เราทำงานได้ดีตลอดทั้งสุดสัปดาห์ และมีความเร็ว แต่ก็ผิดพลาดในรอบควอลิฟาย”
“นั่นคือจุดที่เราต้องปรับปรุงในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า”
“นอกจากนั้น… เมื่อผมเห็นหยดน้ำฝนบนหน้ากากหมวกกันน็อค และบางผิวแทร็ค ผมจึงตัดสินใจเสี่ยง”