ราซลัน ราซาลี ซีอีโอ คนเก่งของ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สังเวียนความเร็วระดับเวิลด์คลาสของ มาเลเซีย เตรียมลาตำแหน่งผู้บริหาร พร้อมกันมาโฟกัสการทำทีมแข่ง ปิโตรนาส เอสอาร์ที อย่างเต็มตัว หลังประสบความสำเร็จทั้งใน โมโตจีพี, โมโตทู และ โมโตทรี

ราซาลี นับเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ก้าวเข้ามาเติมเต็มความสำเร็จของ เซปังฯ หลังจากที่ ซีอีโอ คนเดิมอย่าง อาซฮาน ชาฟรีแมน ลาตำแแหน่งไปเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารของ ปิโตรนาส

คีย์แมนชาวมาเลเซียน เริ่มงานเป็น ซีอีโอ ของ เซปัง ในวันที่ 8 ตุลาคม 2008 โดย ราซาลี ผลักดันให้ผู้ชมของ โมโตจีพี รายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ จาก 50,000 คน จากปี 2008 ให้พุ่งสูงถึง 170,000 คน ในปีที่ผ่านมา

ขณะที่ แทร็กถูกใช้งานกว่า 94% ของช่วงเวลาตลอดทั้งปี

โปรแกรมพัฒนานักบิดมาเลเซียนของ เซปัง นับเป็นอีกหนึ่งผลงานสำคัญของ ราซาลี โดยเขาต้องทำงานควบเป็นผู้จัดการทีมไปในตัว ก่อนจะสามารถผลักดันให้มาเลเซียมีนักบิดโมโตจีพีคนแรกอย่าง ฮาฟิซ ซยารินห์ ในปี 2018

ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร

จากนั้นในปี 2019 พวกเขาได้ก่อตั้งทีม ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ทีมแข่งพรีเมียร์คลาสสัญชาติมาเลเซียนทีมแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมกับสร้างผลงานสุดเซอร์ไพรส์ ในการร่วมงานกับทีมโรงงานยามาฮ่า และการเฉิดฉายของลูกทีมคนเก่งอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และ ฟรานโก มอร์บิเดลลี

“ด้วยการทำหน้าที่ประธานทีม เซปัง เรซซิ่ง ทีม แบบเต็มเวลา จะทำให้ผมสามารถรับผิดชอบงานของตัวเองได้เต็มร้อย” ราซาลี เผย

“ผมมองไปถึงการเสริมความแข็งแกร่งของทีม และการดึงดูพาร์ทเนอร์ให้เข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงบริษัทใหม่ๆ ที่จะเข้ามาร่วมงานกับเรา เพื่อสร้างรูปแบบที่มั่นคงสำหรับชาวมาเลเซียนในการแข่งขัน โมโตจีพี และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของทีม โดยเฉพาะในด้านการบริหาร”

“ในบทบาท ซีอีโอ ของ เซปังฯ มันเหมือนทำงานที่ฝัน แต่การบริหารทีมแข่งใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ มันน่าทึ่งยิ่งกว่า”

“ผมไม่สามารถทิ้งโอกาสนี้ได้ และยิ่งเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศมาเลเซียแล้วด้วยนั้น การทำทีมแข่งสัญชาติมาเลเซียนให้ดีกว่าเดิม และยกระดับมอเตอร์สปอร์ตประเทศของเราให้ดีขึ้นในระดับโลก จึงเป็นภารกิจที่ท้าทายผมอย่างมาก” ราซาลี กล่าว