ทนายความส่วนตัวของ อันเดรีย อิอันโนเน [Andrea Iannone] นักบิดอิตาเลียนของ อพริเลีย แสดงความมั่นใจในการยื่นอุทธรณ์ต่อ “ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา” หลังถูกลงโทษแบน 18 เดือนจากการตรวจพบ “สารต้องห้าม” โดยเชื่อว่าจะมีการตัดสินก่อนเริ่มต้นฤดูกาลของ โมโตจีพี 2020 [MotoGP]

อิอันโนเน นักบิดพริเลียถูกแบนนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังผลตรวจปัสสาวะเป็นบวก เมื่อตรวจพบสารต้องห้ามประเภทสเตียรอยด์ หลังจบการแข่งขัน มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ 2019 ทว่าเจ้าตัวและทนายความยังคงมั่นใจในความบริสุทธิ์ และพร้อมเดินหน้ายื่นอุทธรณ์อย่างเต็มที่

อันโตนิโอ ดิ เรนซิส ทนายความของนักบิดอิตาเลียนเปิดเผยว่า การยื่นอุทธรณ์ของ อิอันโนเน จะมีขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการตัดสินคดีในเวลาเพียง 2 เดือน หาก ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (Court of Arbitration for Sport : CAS) มองว่าไม่จำเป็นต้องมีการพิจารณาคดีเพิ่มเติม

ดอร์น่า สปอร์ต เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าเข้าใกล้ความเป็นจริงที่จะเปิดฉาก โมโตจีพี 2020 สองสนามแรกที่ เฆเรซ ในวันที่ 19 พ.ค. และ 26 พ.ค.นี้ ในช่วง 2 สุดสัปดาห์ติดต่อกัน นั่นหมายความว่า อิอันโนเน มีโอกาสคัมแบ็กสู่สนามแข่งขันได้อีกครั้งก่อนเปิดฤดูกาลนี้

“น่าจะภายในวัน จันทร์ หรือ อังคารหน้า เราจะยื่นอุทธรณ์ต่อ CAS ด้วยเหตุผลเดียวกับการตัดสินคดีครั้งแรก” ดิ เรนซิส เผยผ่าน สกาย อิตาเลีย

“เราจะยื่นเรื่องภายในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ซึ่ง ณ เวลานั้น เอฟไอเอ็ม มีเวลา 20 วันในการตอบข้อโต้แย้งของเรา หลังจากนั้นผู้พิพากษาของ CAS จะใช้ไฟล์และข้อมูลที่มีอยู่ในมือ หากพวกเขายืนยันว่าไม่จำเป็นต้องมีการพิจารณาคดีอีกครั้ง เราเชื่อมั่นว่าภายใน 2 เดือนเราจะสามารถทราบผลการตัดสินคดีได้”

“หาก CAS เห็นว่าควรมีการพิจารณาคดีล่าช้า แต่ไม่เกินหนึ่งเดือนหรือเลวร้ายที่สุดหนึ่งเดือนครึ่ง ซึ่งด้วยเหตุนี้ผมเชื่อว่าพวกเขาจะตัดสินใจได้โดยไม่ต้องเรียกเอกสารเพิ่มเติม” 

“ในกรณีที่ดีที่สุด ช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมเราอาจได้รับผลการตัดสิน หรือในกรณที่เลวร้ายที่สุดน่าจะเกิดขึ้นทันทีหลังจบช่วงฤดูร้อน”

“เราเชื่อว่าเมื่อฤดูกาลแข่งขันเริ่มต้นขึ้น อันเดรีย จะได้รับการพิจารณาคดีครั้งสุดท้ายแล้ว”

ดิ เรนซิส เสริมว่า เอฟไอเอ็ม ได้รับผลตรวจปัสสาวะของ อิอันโนเน เป็นบวกนั้นเกิดขึ้นจากสารปนเปื้อนจากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ที่เขาบริโภคเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเซปัง และเชื่อว่า “ลูกความ” ของเขาสมควรได้รับการอนุโลม

เขาอธิบายว่า “มันมีระบุอยู่ในหน้า 15 ซึ่งในความเห็นของเรา พวกเขาควรพิจารณาข้อสรุปคดีให้พ้นผิดเพราะผู้พิพากษา และผมได้ระบุว่า ‘ได้มีการจดบันทึกข้อความในเอกสารของนักบิดส่งมาด้วย ซึ่งในโรงแรมนั้นก็เป็นระดับไฮคลาสได้เตรียมอาหารให้เขา และแจ้งว่าไม่มีสารปนเปื้อนใดๆ โดยเขาเองก็ไม่มีทางเลือกมากมายนักสำหรับมื้ออาหาร”

“คุณต้องบอกผมนะ ต่อข้อความเหล่านี้ของผู้พิพากษา ว่าคุณลงโทษแบนใครสักคนด้วยเวลา 18 เดือนได้อย่างไร ซึ่งพวกเขาบอกว่าเขาทำในส่งที่ต้องทำ แต่เขาเลือกไม่ได้ว่าจะกินอะไรในตอนนั้น”