แจ็ค มิลเลอร์ [Jack MIller] นักบิดออสซี่จาก พรามัค ดูคาติ ออกโรงยอมรับว่า “ตื่นตระหนก” อย่างมาก หลังจากที่โดน มิเกล โอลิเวียร่า แซงในโค้งสุดท้ายของ สตีเรียน กรังด์ปรีซ์ เพราะกลัวจะมีนักบิดคนอื่นๆ แซงตามมาอีก

มิลเลอร์ ขึ้นนำได้ในช่วงแรกของ สตีเรียน กรังด์ปรีซ์ และถูกแซงโดย โจอัน เมียร์ นักบิดสแปนิชจาก ทีม ซูซูกิ เอ็คสตาร์ ก่อนจะมีธงแดง และกลับมาขึ้นนำได้อีกครั้งหลังรีสตาร์ทถึง 6 รอบ

อย่างไรก็ดี มิลเลอร์ ต้องเจอการบุกอย่างหนักจาก โปล เอสปาร์กาโร นักบิดเคทีเอ็ม จนทั้งคู่ต้องมาตัดสินกันถึงโค้งสุดท้าย ทว่าการแซงของนักบิดออสซี่ กลับทำให้ โปล นั้นบานออกจากโค้ง ขณะที่เจ้าตัวก็โดน โอลิเวียร่า แซงผ่านขึ้นไปเช่นกัน

“เราแค่ต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบ สปรินต์ เรซ (เรซระยะสั้น)” มิลเลอร์ กล่าว เพราะมันสะท้อนไปถึงวันเก่าๆ ของเขาในการขี่ในรูปแบบ สปรินต์ เรซ กับรายการ ออสเตรเลียน แชมเปี้ยนชิพ

“12 รอบ มันเร็วมากๆ มันคือการขับเขี่ยวตั้งแต่ต้นจนจบ ผมไม่คิดว่า มิเกล จะแซงขึ้นมามาได้ ผมคิดว่ามีเพียง ผม และ โปล ที่จะชนะในเรซนี้ ไม่เขาก็ต้องเป็นผม”

“ผมทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ผมเสียบแซงเข้าไปและมองไปที่ โปล แต่ในตอนนั้นผมกลับได้ยินเสียงบางอย่างด้านใน มันคือ โอลิเวียร่า ผมคิดในใจ ‘หมอนี่มันมาจากไหน?'”

“ตอนนั้นมันทำให้ผมตื่นตระหนกมาก เพราะกลัวว่าจะมีใครแซงขึ้นมาอีกในไลน์นั้น”

สำหรับ มิลเลอร์ มีอาการบาดเจ็บที่ไหล่ขวาหลัง จากการล้มในรอบ FP3 และยอมรับว่าเขามีอาการเจ็บปวดมากในวันเสาร์ ก่อนจะเข้ารับการตรวจ MRI ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ และลงบิดทั้งที่มีอาการบาดเจ็บดังกล่าว