ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดเฟรนช์จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ยอมรับว่า “งานหิน” สุดในการพารถแข่ง ยามาฮ่า M1 คว้าชัยชนะใน โมโตจีพี กับแพ็คเกจเครื่องยนต์ที่ขาดพละกำลังหากเทียบกับทีมคู่แข่ง

นักบิดยามาฮ่าคว้าชัยชนะในศึก โมโตจีพี 2020 มาแล้งทั้งสิ้น 4 ครั้ง จากผลงานของ กวาร์ตาราโร 2 สนาม, ฟรานโก มอร์บิเดลลี 1 สนาม และล่าสุดกับผลงานของ มาเวริค บีญาเลส

แม้ว่า M1 จะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนประเภทผู้สร้าง ทว่า ยามาฮ่า ยังคงมีปัญหาเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่อง แถมยังต้องลดรอบเครื่องยนต์ลงมาสำหรับ M1 ทั้ง 4 คัน ก่อนเข้าสู่การแข่งขันที่ ออสเตรีย ที่ผ่านมา

ในการแข่งขันครั้งที่ 2 ที่ มิซาโน รถแข่งยามาฮ่าที่ทำความเร็วสูงสุด เป็นรอง ดูคาติ ถึง 11 กม./ชม.

จากผลของความเร็วท็อปสปีดดังกล่าว ทำให้นักบิดยามาฮ่า เป็นรองอย่างมากในช่วงทางตรง และพวกเขาต้องแซงด้วยการใช้เบรกลึกกว่ารถแข่งทีมอื่นๆ หรือจะต้องแซงในโค้งที่ไม่มีทางตรงต่อเนื่องรออยู่

กวาร์ตาราโร ติดอยู่หลัง โปล เอสปาร์กาโร นักบิดเคทีเอ็ม ตลอดทั้งเรซของ เอมิเลี ย โรมันญ่า กรังด์ปรีซ์ แม้จะพยายามไล่แซงอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถขยับอันดับได้ ก่อนที่จะโดน โจอัน เมียร์ จาก ซูซูกิ ไล่ทันและแซงพวกเขาทั้ง 2 คนไปอย่างง่ายดาย

“เรามีปัญหาอย่างหนักในการแซง และหาดคุณไม่สามารถทำแบบ มาเวริค ได้ (ขึ้นนำตั้งแต่ออกตัว) มันก็ยากที่จะคว้าชัยชนะในเรซนั้นๆ ได้” กวาร์ตาราโร เผย

“ผมชนะ 2 เรซแรกได้ในลักษณะเดียวกัน เหมือนกับ ฟรานโก และ มาเวริค”

“ดังนั้น เมื่อคุณตามหลังใครที่มีเครื่องแรงกว่า คุณจะทำอะไรที่ดีไปกว่านั้นไม่ได้เลย แต่ผมก็ดีใจกับ มาเวริค ด้วย ในที่สุดเขาก็ทำได้และเหมาะสมแล้วกับชัยชนะครั้งนี้”

“เราจะมาดูกันว่าที่ บาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นแทร็กที่ผมชอบมาก แต่มันมีทางตรงยาวถึง 1 กิโลเมตร ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”