Advertisement

มาร์ค มาร์เกซ นักบิดต่างดาวจาก เรปโซล ฮอนด้า ออกโรงเผยว่าต้องการเซฟร่างกายเพื่อ “เรซเดย์” จึงเป็นสาเหตุที่ไม่บู๊ในรอบ FP2 ย้ำสภาพจิดใจไม่มีปัญหาใดๆ เมื่อบิดผ่านโค้ง 3 ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่ทำให้ “เจ็บหนัก” ต้องพักถึง 9 เดือน ลั่นไม่แหยงแม้ชนหนักปีที่ผ่านมาที่ เฆเรซ

แชมป์โลกพรีเมียร์คลาส 6 สมัย ล้มหนักที่โค้ง 3 ของ เฆเรซ เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา จนต้นแขนขวาหัก ส่งผลให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 3 ครั้ง พักนาน 9 เดือน ก่อนจะกลับมาลงแข่งขันได้เป็นครั้งแรกที่ ปอร์ติเมา เมื่อ 2 สุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้

มาร์เกซ เลือกที่จะไม่บิดแบบ “ไทม์ แอ็ทแท็ค” ในการซ้อมรอบ FP2 และจบวันแรกด้วยอันดับ 16 แต่เขาก็เปิดเผยว่าไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับการบิดผ่านโค้งในจุดที่ทำให้ต้อง “เจ็บหนัก” ในปีที่ผ่านมา แถมยังเป็นนักบิดฮอนด้าที่ทำเวลาเร็วสุดที่โค้งดังกล่าวในรอบ FP1 ด้วย

“ผมเช็กข้อมูลของวันนี้ โดยเฉพาะหลังจบ FP1 นั่นก็เพราะในรอบ FP2 ผมไม่มีเวลาที่เร็วขึ้น” มาร์เกซ เกริ่น

“แต่ในรอบ FP1 ที่ โค้ง 3 ไปยังโค้ง 4 ผมเป็นนักบิดฮอนด้าที่เร็วที่สุด มันคือโค้งซ้าย และเป็นโค้งโปรดของผมด้วย”

“ดูเหมือนในรอบแรกที่ผ่านจุดนั้นผมจะนิ่งๆ หน่อย แต่มันเป็นเพราะว่าผมขี่แบบธรรมดา และแน่นอนผมเร็วที่สุดในโค้งนั้น (เทียบกับนักบิดฮอนด้าคนอื่นๆ) ในรอบ FP1 ส่วน FP2 ผมไม่ได้เช็กข้อมูล”

“ซึ่งรวมถึง โค้งแรก (เซ็กเตอร์ 1) คือจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของผมในตอนนี้”

“ดังนั้น ผมไม่มีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับสภาพจิตใจ เพราะไม่จำเป็นจะต้องกลัวอะไรถึงข่วงเวลานั้น”

มาร์เกซ กล่าวว่าเขาตัดสินใจที่จะไม่เปิดเกมแบบ “ไทม์แอ็ทแท็ค” ในรอบ FP2 เพราะต้องการรักษาพลังงานไว้สำหรับการแข่งขันในวันอาทิตย์ให้มากที่สุด โดยหลังจากที่รู้สึก “ล้า” ช่วงต้น FP2 ที่แขนขวา แม้หลังจบรอบ FP1 จะไม่มีปัญหาใดๆ

อย่างไรก็ตาม มาร์เกซ ตั้งข้อสังเกตุว่าเขาสามารถที่จะเพิ่มแรงกดจากแขนเมื่อต้องการได้ และยอมรับว่ารู้สึกดีขึ้นหลังผ่านวันศุกร์ที่ เฆเรซ มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันที่ โปรตุเกส

“วันนี้ผมเน้นอยู่กับวิวัฒนาของร่างกายจากรอบ FP1 ไปยัง FP2 และทันทีที่ลงบิดในรอบ FP1 ผมก็รู้สึกว่ามันโอเคเลย”

“แต่เมื่อลงบิดในช่วง FP2 ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป เพราะในช่วงเช้า (FP1) ผมสามารถใช้ศอกได้ตามที่ต้องการ แต่ในช่วงบ่ายมันกลับไม่เหมือนเดิม”

“จากนั้น ผมจึงขี่ซ้อมไปอีก 2-3 รอบเพื่อทำความเข้าใจสภาพตำแหน่งต่างๆ ของตัวเองบนรถแข่ง แต่หลังจากนั้นผมก็รู้สึกว่าขาดพละกำลังที่กล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณไขว้หลังไหล่และข้อศอกก็ใช้งานได้ไม่เหมือนในรอบ FP1”

“มันเป็นเรื่องของเวลาที่จะต้องสร้างความคุ้นเคยให้กลายเนื้อ แต่เมื่อผมต้องการใช้มันหนักๆ ผมก็สามารถทำได้ เมื่อต้องการเค้นหนักๆ ก็ทำได้เช่นกัน”

วีดีโอที่เกี่ยวข้อง 👇👇👇