ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 7 สมัยชาวอังกฤษจาก เมอร์เซเดส ยอมรับว่าลำพังแค่ความสามารถในการขับของเขาเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะทำให้ เมอร์เซเดส ชดเชยการขาดดุลย์ที่มีต่อจ่าฝูงอย่าง เรดบูล เรซซิ่ง ได้

เมอร์เซเดส เป็นรอง เรดบูล อย่างมากในแง่ของความเร็วทุกสนามของ ฟอร์มูล่าวัน 2023 โดยหลังผ่านไป 12 สนามแรก เป็น เรดบูล ที่เหมาชัยชนะไปครองได้ทั้งหมด และ 10 ครั้งจากจำนวนนั้นเป็นผลงานของ มักซ์ เวอร์สแท็พเพ่น

แม้จะมีการเปิดตัว “อัพเกรด” หลายอย่าง ซึ่งช่วยให้ร่นระยะห่างจาก เรดบูล เข้ามาได้ ทว่าความพยายามเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถพาพวกเขาให้ต่อสู้กับ เรดบูล เพื่อลุ้นชัยชนะได้เลย

โดยการต่อสู้ส่วนใหญ่ของ เมอร์เซเดส จะเป็นการไล่ชิงตำแหน่งบนโพเดี้ยมกับ เฟอร์รารี่ และ แอสตัน มาร์ติน รวมถึง แม็คลาเรน

แฮมิลตัน ซึ่งบดคว้าโพลมาจาก เวอร์สแท็พเพ่น ได้ที่ ฮังการี ทว่ากลับทำได้เพียงคว้าอันดับ 4 ในการแข่งขัน กรังด์ปรีซ์ ดังกล่าว โดยนักขับชาวอังกฤษยอมรับว่า “ความสามารถในการขับ” ของเขา ไม่สามารถชดเชยความเสียเปรียบของรถแข่ง W14 ได้เลย

“ผมมักจะเค้นความสามารถในการขับของผมเพื่อชดเชยความขาดดุลนี้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เพียงพอในหลายๆ จุด” แฮมิลตัน เผย

“หากคุณมองย้อนกลับไปในการแข่งขันที่ ซิลเวอร์สโตน ซึ่งคุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เรามมีเวลา (ความเร็ว) เท่ากันจนถึงโค้ง 13 กับ มักซ์ (เวอร์สแท็พเพ่น) ในการควอลิฟาย”

“แต่หลังจากนั้น (โค้ง 13) เราก็เริ่มสูญเสียความเร็วไป”

ขณะที่ จอร์จ รัสเซลล์ ทีมเมทรุ่นน้องยังคงต้องต่อสู้กับอาการ “กระดอน” ของรถแข่ง ซึ่งกลับมาอีกครั้งในการแข่งขันที่ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ สนามสุดท้ายก่อนพักครึ่งฤดูกาล

แฮมิลตัน ชี้เป้าไปที่ เซอร์จิโอ เปเรซ นักขับเม็กซิกันของ เรดบูล โดยกล่าวว่า เวอร์สแท็พเพ่น จะไม่ได้มีความสุขแบบนี้แน่นอน หากตัวเขาเองได้ขับรถแข่ง เรดบูล ของ “เชโก้”

“ถ้าผมอยู่ได้ในรถแข่งของ เซอร์จิโอ รับรองได้ว่า มักซ์ (เวอร์สแท็พเพ่น) จะไม่มีช่วงเวลาดีๆ แบบตอนนี้” นักขับอังกฤาวัย 38 ปี กล่าว

ความคิดเห็นของ แฮมิลตัน เกิดขึ้นหลังจากที่ เวอร์สแท็พเพ่น เอาชนะ เปเรซ ได้ถึง 22 วินาที แม้จะออกสตาร์ทด้านหลังถึง 5 กริดก็ตาม