ฮอร์เก มาร์ติน จ่าฝูง โมโตจีพี ชาวสแปนิชจาก พรามัค เรซซิ่ง ยืดอกยอมรับ “การตัดสินใจ” เข้าพิตเพื่อเปลี่ยนรถแข่งในศึก ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์ หลังมีฝนปรอยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นความผิดพลาดของเขาเองแบบ 100%
นักบิดสแปนิชมีคะแนนเหนือ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า แชมป์โลกคนปัจจุบันจาก ดูคาติ มากกว่า 23 คะแนน หลังผ่านการแข่ง สปรินต์ ในวันเสาร์ที่ มิซาโน และนั่นสร้างความได้เปรียบให้เขาอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ในการแข่งขัน “เมนเรซ” มาร์ติน เลือกที่จะเข้าพิตเพื่อสลับรถแข่งในรอบที่ 7 หลังจากที่มีฝนตกลงมาบางๆ และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขารู้ลงไปจบการแข่งขันถึงอันดับ 15 ขณะที่ชัยชนะตกเป็นของ มาร์ค มาร์เกซ จาก เกรซินี
“ตอนนั้นผมคิดเกี่ยวกับการแข่งขันมากกว่าคะแนนสะสม ดังนั้น ผมเลยคิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเราเข้าพิต” มาร์ติน เริ่มต้นอธิบายถึงเหตุการณ์ใน ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์
“ครั้งต่อไป ผมจะรออยู่ข้างหลัง เป็คโก้ และทำในแบบเดียวกับเขา”
โดย มาร์ติน กล่าวว่า “แน่นอนว่าตอนนั้นแทร็กมันเปียก ผมคิดว่าเมื่อ ฟรานโก้ มอร์บิเดลลี ล้ม และหากฝนยังตกอยู่ผมจะเป็นผู้ชนะ แต่หลังจากนั้นหนึ่งรอบและอีกรอบต่อมาฝนกลับหยุดตก และไม่นานผมก็คิดว่าการกลับเข้าพิตอีกครั้ง คือทางเลือกที่ดีที่สุด”
นอกจากนี้ มาร์ติน ยังยอมรับว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่ชัดเจนร่วมกับทีม พรามัค แม้ว่าตลอดทั้งเรซ ทีมจะเตรียมรถแข่งอีกคันไว้ก็ตาม เนื่องจากเป้นแผนสำรองเช่นเดียวกับทุกทีมหากต้องเอารถเข้ามาทำ Flag-to-Flag
“เราไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับแผน และผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ผมเข้าพิต และบางทีมันอาจเพราะเราไม่เข้าใจกันเล็กน้อย”
ผู้ชนะในสนามนี้อย่าง มาร์เกซ กล่าวว่าไม่มีทีมใดสามารถตัดสินใจแทนนักบิดได้ การตัดสินใจต้องขึ้นอยู่กับความรู้สึกบนสนาม
“จากโค้ง 3 ไปโค้ง 11 ฝนตกเยอะมาก นั่นคือเหตุผมที่ผมตัดสินใจแบบนั้น” มาร์ติน กล่าว
“ครั้งต่อไป ผมจะทำตามคู่แข่ง”