“ท็อปกัน” มาเวริค บีญาเลส นักบิดรูปหล่อชาวสแปนิชออกโรงยอมรับว่า “การหมุกมุ่น” กับการแก้ไข “จุดอ่อน” ของ M1 ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ในเรซดีขึ้นหลังพลาดแชมป์ อราก้อนจีพี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าตัวชี้จะเปลี่ยนแนวทางการทำงาน โดยหันไปดึง “จุดแข็ง” ของยามาฮ่า ด้าน “ความเร็วในโค้ง” มาใช้เพื่อรีดสมรรถนะให้ได้มากที่สุด

บีญาเลส ขึ้นเป็นผู้นำหลังออกสาร์ท และรักษาหัวแถวในศึก อราก้อน กรังด์ปรีซ์ ใน 7 รอบแรก ก่อนที่ยางหลังฝั่งซ้ายจะเริ่มมีปัญหาอย่างไม่คาดคิด ทำให้เขาไม่มี “กริ๊บ” มากพอที่จะหยุดยั้งและไล่ตาม อเล็กซ์ รินส์ ผู้ชนะจาก ซูซูกิ และ อเล็กซ์ มาร์เกซ รวมถึง โจอัน เมียร์ ที่แซงผ่านไปทั้ง 3 คัน

นักบิดรูปหล่อจากยามาฮ่า จบการแข่งขันในอันดับ 4 ซึ่งตลอดทั้งสุดสัปดาห์เขาคือคนหนึ่งที่แสดงให้เห็น “เพซ” ที่แข็งแกร่งใน อราก้อน กรังด์ปรีซ์ และอาการยางเสื่อมสภาพก็ไม่แสดงให้เห็นใน “การจำลองการแข่งขัน”

“การสึกหรอของยาง” และ “การยึดเกาะ” คือปัญหาที่ ยามาฮ่า เจอมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีหลัง และ บีญาเลส ก็ได้ให้ความเห็นว่า “ในช่วงที่ผ่านมาพวกเขาพยายามอย่างหนักในการแก้ไขจุดอ่อนนี้ แต่มันไม่ได้ช่วยให้ผลงานในเรซดีขึ้นเลย”

มาเวริค บีญาเลส หวังที่จะกลับมาฟอร์มดีอีกครั้ง

จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้ บีญาเลส เปลี่ยนความคิดใหม่ โดยจะเลิก “โฟกัส” กับการแก้ไขจุดอ่อนของ M1 และเปลี่ยนไปใช้ประโยชน์สูงสุดจาก “จุดแข็ง” ของพวกเขา นั่นคือ “ความเร็วในโค้ง” และ “ความเสถียรของส่วนหน้า”

“ตอนนี้เราเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ว่าการแก้จุดอ่อนมันไม่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเลย แต่จุดแข็งของ M1 ต่างหากที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น” บีญาเลส กล่าว ขณะที่เจ้าตัวตามหลังจ่าฝูงเพียง 12 คะแนน

“ดังนั้น เราจะทำงานในแบบที่รถแข่งยามาฮ่ามีความโดดเด่นบนแทร็ก แล้วมาดูกันว่าเรซต่อไปผมจะออกสตาร์ทด้วยการเป็นผู้นำได้หรือไม่ และจะมีจังหวะที่ดีในการแข่งขันได้หรือเปล่า”

“สำหรับผม มันดูเหมือนว่าทุกครั้งที่เราพยายามแก้จุดอ่อน แต่ผลลัพธ์มันกลับตรงกันข้าม สถานการณ์ในเรซของเราไม่ได้ดีขึ้นเลย”

“เอาละ ต่อไปเราจะมาให้ความสำคัญกับจุดแข็งของยามาฮ่า ที่เป็น DNA ของ M1 เราจะดึงจุดแข็งด้านความเร็วในโค้ง และความคงที่ในส่วนหน้าของรถออกมาใช้ เราจะทำงานหนักกับจุดนี้ แล้วมาดูกันว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน”

สำหรับ ศึก โมโตจีพี 2020 สนามถัดไปจะยังคงดวลกันที่ มอเตอร์แลนด์ อราก้อน ประเทศสเปน โดยจะใช้ชื่อรายการ เตรูเอล กรังด์ปรีซ์ ในวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้