โปล เอสปาร์กาโร ยอดนักบิดสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า ออกโรงยอมรับว่า เขาต้องเผชิญ “ความกดดัน” อย่างสูง เมื่อต้องเรียนรู้กับบิดรถแข่ง RC213V หากไม่มีข้อมูลอ้างอิงจาก มาร์ค มาร์เกซ ที่ยังไม่คัมแบ็กสู่ทีม

เอสปาร์กาโร ที่ขึ้นโพเดี้ยม โมโตจีพี มาทั้งสิ้น 6 ครั้ง ย้ายจาก เคทีเอ็ม มาร่วมงานกับ เรปโซล ฮอนด้า ในฤดูกาล 2021 ทว่าเขาจะมีเวลาในการปรับตัวกับรถแข่ง RC213V ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรถแข่งที่ควบคุมยากที่สุดบนกริดสตาร์ท เพียง 5 วัน ก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นขึ้นที่ กาตาร์

จริงๆ แล้ว เอสปาร์กาโร ควรจะได้ลงทดสอบรถแข่งฮอนด้า 2 วัน ในช่วง โพสต์-ซีซั่น เทสต์ ที่ เฆเรซ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างประสบการณ์บนรถแข่งให้กับตัวเขาเอง ทว่าโปรแกรมดังกล่วกลับต้องถูกยกเลิกไป จากสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ของ โควิด-19

แถมเขายังสูญเสียตารางทดสอบเดิมที่ เซปังฯ ไปอีก ซึ่งจากเดิมหากรวมการทดสอบที่ กาตาร์ จะเป็นทั้งสิ้น 6 วัน แต่จากตารางใหม่ทำให้เหลือวันสำหรับการเทสต์ในช่วงพรีซีซั่น สำหรับนักบิด โมโตจีพี เพียง 5 วันเท่านั้น

ขณะที่ มาร์เกซ ได้ออกมายืนยันชัดเจนว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการทดสอบที่ กาตาร์ อย่างแน่นอน โดยหวังที่จะให้ร่างกายฟื้นฟูอย่างเต็มที่ หลังผ่าตัดครั้งที่ 3 เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเป้าหมายคือกลับมาเริ่มต้นฤดูกาลนี้ให้ได้ในสนามแรกที่ กาตาร์

แม้รอบตัวของ เอสปาร์กาโร จะมีนักบิดทดสอบอย่าง สเตฟาน แบรเดิล รวมไปถึงคู่หูจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า อย่าง ทาคาอากิ นาคากามิ และ อเล็กซ์ มาร์เกซ ซึ่งจะลงทดสอบพร้อมกัน ทว่า “หนุ่มโปล” ยอมรับว่า “ตนเองจำเป็นต้องมีข้อมูลอ้างอิงจาก มาร์ค มาร์เกซ คนเดียวเท่านั้น เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงในแต่ละขั้นตอน สำหรับการเรียนรู้รถแข่ง RC213V”

“มาร์เกซ คือคนเดียวที่จะช่วยให้ผมปรับตัวได้เร็วกับรถแข่ง ฮอนด้า เพราะเขาคือนักบิดที่ดีที่สุดในโลก” เอสปาร์กาโร กล่าว

“ผมจะเดินทางไปที่ กาตาร์ ล่วงหน้าเล็กน้อย น่าจะ 3 วันก่อนการทดสอบ และผมจะเข้าร่วมขั้นตอนการเซ็ตอัพกับทีมงาน รวมถึงวิศวกรทุกคน แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่ผมจะทำคือลงไปเดินสำรวจแทร็กทุกโค้ง เพื่อวิเคราะห์ทุกๆ อย่างในการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผม”

“เดือนที่ผ่านมา ผมจินตนาการถึงสถานการณ์ต่างๆ อย่างเช่น การที่ มาร์ค เซฟการล้มครั้งสำคัญของเขาหลายๆ ครั้ง ซึ่งการเอาตัวรถแต่ละครั้งก็ช่วยให้เขาเก็บคะแนนมาได้อย่างสม่ำเสมอ ผมคิดว่าหากปราศจากการเซฟเหล่านั้น เขาอาจจะไม่ชนะการแข่งขันในเรซนั้นๆ ก็ได้”

“ดังนั้น สิ่งนี้จึงเป็นคำถามว่า : มาร์ค ทำมันได้ยังไง และดูเหมือนว่าในช่วงหลายปที่ผ่านมา มันกลายเป็นส่วนหนึ่งใน ดีเอ็นเอ ของ ฮอนด้า ไปแล้ว”

“ผมจำเป็นจะต้องบริหารสถานการณ์ต่างๆ ให้ได้ โดยในการร่วมงานกับ เคทีเอ็ม ผมทำมันได้ในบางครั้ง แต่ผมจะต้องเรียนรู้มากกว่าเดิมเพื่อทำมันให้ได้อย่างสม่ำเสมอ”

“และแน่นอนว่าความกดดันมันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปราศจาก มาร์ค”

โปล เอสปาร์กาโร กล่าวเพิ่มเติมว่า “แต่ที่แน่ๆ คือเรามีทีมแซ็ตเทิลไลต์ และพวกเขาจะใช้รถแข่งโรงงานลงแข่งขัน และทดสอบในแบบเดียวกัน ทั้ง อเล็กซ์ และ ทากะ”

“พวกเขาคือนักบิดที่เร็วมากๆ เช่นเดียวกับ แบรเดิล ซึ่งลงทดสอบเป็นจำนวนหลายรอบในช่วงปิดฤดูกาล และแน่นอนว่าเขาจะลงทดสอบที่ กาตาร์ ด้วย”

“ดังนั้น เพื่อความแน่นอนผมจะเรียนรู้จากเขา (แบรเดิล) จนกว่า มาร์ค จะกลับมาสู่ทีม”

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาร์ค จะกลับมาเร็วที่สุด แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือเราต้องการ มาร์ค เพราะเขาคือเบอร์หนึ่งของทีม และเขาก็เร็วที่สุดในรถแข่ง RC213V และผมก็ต้องการเรียยนรู้จากเขา”

“ยิ่งเขากลับมาได้เร็วแค่ไหน ผมก็ยิ่งเรียนรู้จากเขาได้เร็วเท่านั้น”

“ดังนั้น หนทางที่ผมจะยกระดับในการเรียนรู้ คือการศึกษาจากนักบิดที่เก่งที่สุดในโลก และเขาคือคนนั้น”