ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า แชมป์โลกชาวอิตาเลียนจาก ดูคาติ เลโนโว ทีม ออกโรงยอมรับว่า “การต่อสู้กับรถแข่ง ดูคาติ คนอื่นๆ” คือเรื่องยากต่อการลุ้นแชมป์โลก โมโตจีพี ชี้แรงกดดันยังมากเหมือนเดิม แต่แตกต่างออกไปเมื่อคู่แข่งใช้รถสเป็คเดียวกัน

ดูคาติ การันตีการเป็นแชมป์โลกประเภทผู้ผลิตในฤดูกาล 2023 ไปเรียบร้อบแล้ว โดยขณะนี้เหลือเพียงนักบิด 3 คนที่มีลุ้นแชมป์โลก ได้แก่จ่าฝูงอย่าง ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า จาก ดูคาติ เลโนโว ทีม, ฮอร์เก มาร์ติน จาก พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง และ มาร์โก เบซเซ็คคี จาก มูนนีย์ วีอาร์46 เรซซิ่ง ทีม กับช่วง 3 สนามที่เหลืออยู่

แชมป์โลกชาวอิตาเลียนมีคะแนนนำ มาร์ติน อยู่เพียง 13 แต้ม ก่อนเข้าสู่การแข่งขัน มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ในสุดสัปดาห์นี้

บันยาญ่า กล่าวถึงการต่อสู่กับรถแข่ง ดูคาติ หลายคันว่า “ผมไม่คิดว่าเราได้เปรียบ หากมองจากประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์”

“ตอนนี้… หากคุณมีความเร็ว ทุกคนต่างก็มองไปที่ ดาต้า ของคุณ และคุณก็ต้องสู้กับพวกเขา”

“สิ่งนี้สำหรับผมมันยอดเยี่ยม แต่มันก็ยากเหมือนกัน”

“บางครั้งเราค้นพบบางสิ่งสำหรับพวกเขา แต่การลงสนามช่วงต่อไปพวกเขาทุกคนก็จะลองทำมันเช่นกัน (เอาข้อมูลมาใช้)”

“ผมไม่ต้องการคิดเกี่ยวกับการลุ้นแชมป์โลก ผมจะเปิดเกมบุกเหมือนทุกครั้ง เค้นสุดความสามารถ พยายามเพิ่มระยะห่าง (คะแนนสะสม)”

ดูเหมือนว่าหลังผ่านการต่อสู้เพื่อลุ้นแชมป์โลกมา 2 ฤดูกาล และนี่คือปีที่ 3 มันจะทำให้ บันยาญ่า คุ้นเคยกับความกดดันในการเป็นจ่าฝูงแล้ว

“การที่เรากำลังต่อสู้เพื่อลุ้นแชมป์โลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน นั่นหมายความว่าเราทำงานกันได้ดี”

“ผมไม่คิดว่ามันคือความล้มเหลวนะ หากว่าเราจะเสียแชมป์โลกไป”

“มันจะยอดเยี่ยมมากหากเราทำได้อีก เพราะผมจำไม่ได้แล้วว่าใครคือคนล่าสุดที่คว้าแชมป์โลก 2 ปีติดต่อกัน นี่คงจะสุดยอดมากสำหรับผม”

“ในมุมของแรงกดดัน ปีที่แล้วมันสูงมาก หลังจากที่ ดูคาติ ไม่สามารถคว้าแชมป์โลกได้นานถึง 15 ปี มันค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้น (ความกดดัน) และผมรู้สึกว่าต้องแบกมันไว้”

“ปีนี้มันแตกต่างออกไป ผมยังรู้สึกกดดันมากเหมือนเดิม แต่มันมีแรงกระตุ้นมากกว่า”

“การเป็นคนที่ถูกไล่ล่าคืออะไรที่เราต้องภาคภูมิใจ” บันยาญ่า เผย

บันยาญ่า คว้าแชมป์โลก โมโตจีพี สมัยแรกให้กับตนเองในปีที่ผ่านมา หลังจากที่เขาไล่ตาม ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า มากถึง 92 คะแนน โดยนับเป็นสถิติการกอบกู้เพื่อเป็นแชมป์โลกที่มีระยะห่างมากที่สุดในประวัติศาสตร์

“ปีที่แล้วผมแค่ต้องเค้นแบบไม่มีอะไรจะเสีย” บันยาญ่า กล่าว

“เราตามหลังอยู่เยอะมาก และมันสำคัญที่จะต้องจบเรซข้างหน้า (กวาร์ตาราโร)”

“ปีนี้มันแตกต่าง เพราะเรากำลังต่อสู้กับรถแข่งที่เหมือนกับผมอีก 1 คัน”

“มันแตกต่างอย่างมาก เพราะ ฮอร์เก (มาร์ติน) มีผลงานที่โดดเด่นสุดๆ”

“แนวทางที่เขาลงบิดคือเค้นทุกอย่างไปสู่ขีดจำกัด ยางหลัง หรือหลายๆ สิ่ง”

“คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อ ฮอร์เก เค้นหนักเหมือนที่ มันดาลิกา เขายังคงอยู่ภายใต้การควบคุม แต่เขาก็เค้นหนักมากจริงๆ และนั่นนำมาซึ่งความผิดพลาดมากขึ้นทำให้เขาพลาดล้ม”

“สิ่งต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความผิดพลาดเหล่านี้ ดังนั้น คุณต้องแม่นยำมากขึ้น และมองหาสิ่งที่มากกว่าประสิทธิภาพ (ต้องมั่นคงด้วย)”

บันยาญ่า ไม่ได้มีทุกอย่างในแบบของเขาเองสำหรับปีนี้

การต่อสู้ที่ยากลำบากของ บันยาญ่า ในช่วงกลางฤดูกาล ทำให้แฟนๆ ต่างก็สงสัยว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นกับฟอร์มของเขาหรือไม่ และเขากำลังประสบปัญหากับรถแข่ง เดสโมเซดิซี หรือเปล่า?

“ปัญหาของผมเกิดขึ้นในช่วงที่ต้องใช้เบรกกับการแข่งขันที่ มิซาโน” บันยาญ่า เผย

“และมันก็ยากเช่นกันที่ อินเดีย และ ญี่ปุ่น ซึ่งผมมีปัญหาอย่างมากกับการหาฟีลลิ่งสำหรับการต่อสู้”

“การคว้าชัยชนะอีกครั้งที่ มันดาลิก้า ด้วยประสิทธิภาพแบบนั้น ช่วยให้เรารู้สึกแข็งแกร่งที่สุดในสนาม”

นอกจากนี้ บันยาญ่า ยังอธิบายถึงการทำงานในแต่ละสุดสัปดาห์ว่า “เราทำงานหนักมากตลอดทั้งสุดสัปดาห์ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันเมนเรซ”

“ทุกครั้งเราจะเตรียมตัวเพื่อให้แข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ ภายใต้ความคงที่ของยางที่ใช้แล้ว (ยางเก่า)”

“นี่คือแนวทางที่ยอดเยี่ยม แต่ในบางครั้งมันก็ไม่สามารถช่วยผมได้กับการกดเวลาต่อรอบเพียง 1 รอบ (Time Attack)”

“นี่คือแรงกระตุ้นในการล่าอันดับคืน การพยายามคว้าชัยชนะ พยายามขึ้นไปอยู่หัวแถว”

“3 ครั้งที่ผมหลุดไปถึง Q1 และทั้ง 3 ครั้ง ผมก็จบการแข่งขันบนโพเดี้ยม”