“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร แชมป์โลก โมโตจีพี 1 สมัยจาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เผยว่า “ยามาฮ่า” มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการทำงานช่วง “เบรกฤดูหนาว” และปรับไปสู่แนวทางแบบยุโรปมากขึ้นในการพัฒนารถแข่ง แต่เชื่อว่าจะยังไม่เพียงพอลุ้นแชมป์โลกในปี 2024 ขีดเส้นตาย กุมภาพันธ์ ถึง กรกฎาคม

แต่ข่าวร้ายคือ กวาร์ตาราโร มองว่ามันไม่สมเหตุผลนัก ที่คาดหวังว่ารถแข่ง M1 ซึ่งเก็บมาได้เพียง 3 โพเดี้ยม และจบฤดูกาลในอันดับ 10 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ จะสามารถพลิกสถานการณ์มา “ตัวเต็ง” ลุ้นแชมป์โลกได้ในปี 2024

ดาวบิดเฟรนช์คาดหวังว่าจะได้เห็น “ความคืบหน้า” ที่ชัดเจน ซึ่งได้ขีดเส้นตายไว้ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง กรกฎาคม เพื่อประเมินความก้าวหน้า M1 โดยปีนี้ ยามาฮ่า จะได้รับการทดสอบเครื่องยนต์อย่างอิสระตลอดทั้งปี และสิทธิพิเศษในการพัฒนา “แอโรไดนามิค” จากระบบคอนเซสชั่นใหม่

คาดการณ์ว่า “กรอบเวลา” ดังกล่าว จะเป็นช่วงเวลาที่ กวาร์ตาราโร ใช้ตัดสินใจอนาคตของเขาเอง ว่าจะยังคงอยู่กับ ยามาฮ่า ต่อไป หรือมองหาสัญญากับค่ายใหม่ ซึ่งสัญญาปัจจุบันของเขามีถึงสิ้นปี 2024

“ใช่ครับ… ผมคิดว่าพวกเขาได้เปลี่ยนความคิดแล้ว เรากำลังขยับเข้าใกล้ความเป็นยุโรป นั่นคือสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง เพื่อนำไปสู่การพัฒนารถแข่งอย่างรวดเร็ว” กวาร์ตาราโร กล่าว

“ผมคิดว่าช่วงเวลาสำคัญมากกว่านี้ ก็คือจากเดือนกุมภาพันธ์ ไปสู่ เดือนกรกฎาคม”

“ในช่วง 5-6 เดือนนี้ จะสำคัญมากจริงๆ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการพัฒนารถแข่งอย่างแท้จริง เพื่อสร้างการอัพเดตบ่างสิ่งอย่างรวดเร็ว และนั่นจะเป็นช่วงเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญเพื่อดูแนวทางของพวกเขา”

อย่างไรก็ดี แม้จะมีสัญญาณบวกหลายอย่าง แต่แชมป์โลก โมโตจีพี 2021 ก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะสร้างปาฏิหารย์ได้ในปี 2024

“แนวความคิดของพวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมากใน ยามาฮ่า ผมคิดว่าพวกเขากำลังทำงานในเส้นทางที่ดีขึ้นมาก แต่มันจะต้องใช้เวลายาวนานแค่ไหนสำหรับ ยามาฮ่า ที่จะกลับมาสู่แถวหน้าอีกครั้ง”

“ผมเองก็ไม่รู้”

“ผมแฮปปี้จริงๆ ที่ได้เห็นว่าพวกเขากำลังทำงานหนักแค่ไหน… และหวังว่าฤดูกาลหน้าเราจะพร้อม แต่ผมไม่คิดว่าเราจะแกร่งเพียงพอสำหรับการลุ้นแชมป์โลก”

วีดีโอที่เกี่ยวข้อง