บอสใหญ่ “ยามาฮ่า โมโตจีพี” อย่าง ทาคาฮิโร่ ซูมิ ยืนยันว่าพวกเขา “ไม่เคยยอมแพ้” ที่จะเฟ้นหา “ท็อปสปีด” จากรถแข่ง M1 ในปี 2021 แม้ว่าจะต้องถูก “แช่แข็ง” การพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับปีหน้าก็ตาม

ภายใต้สถานการณ์ระบาดของ โควิด-19 ส่งผลให้ ค่ายผู้ผลิตทุกทีมในโมโตจีพี (ยกเว้น เคทีเอ็ม ที่ได้รับสิทธิพิเศษในปีนี้ ก่อนจะถูกจำกัดสิทธิในปีหน้าเช่นกัน) ลงนามความร่วมมือในการ “แช่แข็ง” การพัฒนา โดยจะต้องใช้เครื่องยนต์สเป็กเดิมของปีนี้ สำหรับฤดูกาลหน้า ซึ่งจะมีเพียง อพริเลีย เท่านั้นที่ยังคงได้รับข้อยกเว้นดังกล่าว

จากสถิติแล้ว ยามาฮ่า นับเป็นรถแข่งที่มีความเร็วสูงสุดต่ำที่สุดบนกริดสตาร์ท และมีระยะห่างจากทีมที่เร็วที่สุดอย่าง ดูคาติ ค่อนข้างเยอะมาก ราว 10 กม./ชม.

ขณะที่นักบิดยามาฮ่าทุกคน ยังต้องลงแข่งขันด้วยการถูกลดรอบเครื่องยนต์ลงเล็กน้อยหลังผ่านสนามแรกของปี จากปัญหาเครื่องยนต์ที่ เฆเรซ ซึ่งตรวจพบว่าความผิดปกติด้านการทำงานของระบบวาล์วจากซัพพลายเออร์

ปัญหาความเร็วที่ตำกว่าค่ายอื่นๆ ทำให้ นักบิดยามาฮ่าต้องใช้เบรกลึกกว่าเพื่อหาจังหวะแซง

การ “แช่แข็ง” การพัฒนาดูเหมือนจะสร้างปัญหาให้กับ ยามาฮ่า มากที่สุดในปี 2021 ทว่า ซูมิ ก็กล่าวว่า “ยามาฮ่า จะสามารถหาหนทางอื่นได้ ในการรีดความเร็วสูงสุด ขณะที่พวกเขายอมรับว่าจะพัฒนาจุดแข็งของ M1 ให้มากขึ้นกว่าเดิม”

“เราต้องพัฒนาในจุดดังกล่าวให้มากกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะในจุดแข็งที่เรามี” ซูมิ กล่าวถึงแนวทางการพัฒนา M1 ที่ต้องถูกแช่แข็งเครื่องยนต์ในปีหน้า

“ในตอนนี้ ความเร็วในโค้ง หรือการควบคุมในการเข้าโค้ง ไม่ได้เป็นเพียงจุดเด่นของ ยามาฮ่า แต่ว่าค่ายอื่นๆ ก็พัฒนาขึ้นมาเทียบเท่าเราแล้วด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ ซูซูกิ”

“ดังนั้น เราจะต้องเน้นมันให้มากกว่าเดิม”

“เราเฝ้าดูตลอดเวลาถึงการพัฒนาของคู่แข่งในจุดนี้ โดยเฉพาะ ซูซูกิ ที่เร็วขึ้นอย่างโดดเด่น แต่เราก็ไม่ได้ยอมแพ้ในการหาความเร็วท็อปสปีดในปีหน้า”

“แน่นอนว่าเครื่องยนต์จะถูกแช่แข่ง แต่ว่าเครื่องยนต์ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เรายังมีหนทางอื่นที่จะยกระดับในปีหน้า”