พิต บายเรอร์ บอสใหญ่ด้านมอเตอร์สปอร์ตของ เคทีเอ็ม ออกโรงเผยว่า “การแยกทางกับ” โปล เอสปาร์กาโร เมื่อสิ้นฤดูกาล 2020 บังคับให้ต้อง “ผลักดัน” นักบิดพรสวรรค์ในสังกัดเร็วกว่าเดิม 1 ปี จากแผนเดิมที่วางไว้

โปล เอสปาร์กาโร ย้ายมาร่วมงานกับ เคทีเอ็ม ในปี 2017 และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนารถแข่ง RC16 จนสามารถเป็นแพ็คเกจที่คว้าชัยชนะใน กรังด์ปรีซ์ ได้

จากนั้น โปล ตัดสินใจเซ็นสัญญาย้ายไปบิดให้กับ ฮอนด้า ในปี 2021 ก่อนที่ฤดูกาล 2020 จะเริ่มต้นขึ้น โดย บายเรอร์ บอสด้านมอเตอร์สปอร์ตของ เคทีเอ็ม ก็เริ่มมองหา “นักบิดบิ๊กเนม” มาแทนที่นักบิดสแปนิชรายนี้

ท้ายที่สุด เคทีเอ็ม เลือกที่จะเก็บ แบรด บินเดอร์ ที่ขึ้นมาจากโมโตทูไว้กับทีม และโปรโมต มิเกล โอลิเวียร่า ขึ้นสู่ทีมโรงงานในปี 2021 โดยทั้งคู่เป็นนักบิดภายใต้โปรแกรมพัฒนาของ เคทีเอ็ม ที่เริ่มต้นมากจาก เรดบูลล์ รุกกี้ คัพ ก่อนจะผลักดันต่อใน โมโตทรี และ โมโตทู สู่ โมโตจีพี

ในการให้สัมภาษณ์แบบส่วนตัวกับ Motorsport.com บายเรอร์ เปิดเผยว่า การตัดสินใจของ เคทีเอ็ม ที่เลือกเดินหน้าโดยปราศจาก “นักบิดบิ๊กเนม” ใน โมโตจีพี และดันนักบิดดาวรุ่งภายใต้โครงสร้างของทีม ถือเป็นการดำเนินการเร็วกว่าแผนเดิม 1 ปี “แต่ถือเป็นแนวทางที่ เคทีเอ็ม แฮปปี้”

“เรามีช่วงเวลาที่ผลงานขึ้นๆ ลงๆ ร่วมกันตลอด แต่ เคทีเอ็ม ก้ไม่เคยสงสัยในความสามารถของพวกเขาทั้งสองคนเลย (โอลิเวียร่า และ บินเดอร์)” บายเรอร์ เผย

“ตอนที่เราเสีย โปล เราเคยมองหานักบิดบิ๊กเนมคนอื่น จากนั้นเราก็บอกกับตัวเองว่า ‘นายรู้ใช่ไหม? เราจะต้องยึดกับโปรแกรมของเราเองได้แล้ว นั่นคือ รุกกี้ส์ คัพ, โมโตทรี และ โมโตทู’ และนั่นคือวิธีที่นักบิดจะก้าวสู่ โมโตจีพี กับ เคทีเอ็ม”

“ผมคิดว่าเลือกที่จะเชื่อมั่นใน ‘โปรแกรมผลักดันดาวรุ่ง’ ของเราเองเร็วกว่าเดิม 1 ปี จากเดิมที่เราวางเป้าหมายไว้ และแน่นอนผมแฮปปี้มากที่เราทำมันได้”

บินเดอร์ และ โอลิเวียร่า ชนะการแข่งขันรวมกัน 3 ครั้งในปี 2020 ทว่าในปี 2021 เป็นการออกสตาร์ทฤดูกาลที่ยากลำบาก เพราะรถแข่ง RC16 มีความคืบหน้าน้อยกว่าทีมอื่นๆ ในช่วง “วินเทอร์”

สำหรับช่วง 5 เรซแรก โอลิเวียร่า ไม่สามารถทำผลงานติดท็อปเท็นได้เลย ขณะที่ บินเดอร์ ทำได้ดีที่สุดคือคว้าอันดับ 5 จากการออกตัวในกริดที่ 15

แชสซีส์ ใหม่ที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่การแข่งขัน อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ ที่ มูเจลโล ช่วยกระตุ้นให้ฟอร์มของ เคทีเอ็ม โดดเด่นขึ้นอย่างมาก และที่นั่น โอลิเวียร่า ทะยานคว้าอันดับ 2 เป็นโพเดี้ยมแรกของพวกเขาในปีนี้ จากนั้นก็คว้าชัยชนะแรกมาครองที่ บาร์เซโลน่า และจบการแข่งขันในอันดับ 2 อีกครั้งที่ เยอรมนี ขณะที่ บินเดอร์ เข้าป้ายอันดับ 4 ในสนามดังกล่าว

บายเรอร์ ยกย่องนักบิดทั้งสองคนที่สามารถฝ่าฟันการออกสตาร์ทฤดูกาลที่ยากลำบากในปี 2021 ที่พวกเขาไม่ “สติแตก” และเชื่อมั่นในทีมโรงงาน “เคทีเอ็ม” ว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้

“ด้วยสถานการณ์ยากลำบากนี้ พวกเขาไม่สติแตก และไม่ได้มีการพูดคุยกับค่ายผู้ผลิตอื่นหรือทีมอื่นๆ ในทันที” บายเรอร์ เสริม

“พวกเขาเชื่อมั่นต่อเรา หากเราบอกว่าไม่แฮปปี้และกำลังทำงานหนักเพื่อแก้ไข ดังนั้นเราเชื่อมั่นในตัวพวกเขาเช่นกัน”

“แต่พวกเขานิ่งและใจเย็นมากในช่วงเวลานี้ ซึ่งสิ่งนั้นช่วยเราได้อย่างมาก”

“หากนักแข่งเริ่มสติแตกและประหม่า แน่นอนว่ามันจะทำให้อะไรๆ แย่ไปหมด”

พิต บายเรอร์

“ดังนั้น ผมมีความสุขมาก… ตอนนี้เรามีสองนักบิดที่โคตรเจ๋ง และเราก็ทำงานในส่วนหลักๆ ของเราบนรถแข่ง เพื่อส่งมอบแพ็คเกจที่ดีที่สุดให้พวกเขา”

“ผมไม่รู้นะว่าเราจะเร็วขึ้นสัก 0.1, 0.2 หรือ 0.3 วินาที หรือมีท็อปสปีดสูวขึ้นไหม แต่ไม่ว่ายังไงการพัฒนามันก็ค่อนข้างดี”

“เรามอบสิ่งนั้นให้กับพวกเขา แต่นักบิดจะเป็นคนรีดศักยภาพของรถแข่งออกมามากกว่า”

“พวกเขามีฟีลลิ่งในการบิดที่ดีกว่าเดิม และเติบโตขึ้น มันน่าเหลือเชื่อมากที่ทั้งสองคนนำผลลัพธ์ดีๆ กลับมาให้เราได้ หลังจากที่เราขยับการพัฒนาขึ้นไป 1 สเต็ป”

“นั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคาแร็กเตอร์ของทีม ที่ว่า : ไม่ได้มีเพียงทีมเท่านั้นที่เป็นผู้ชนะในตอนท้าย แต่หากปราศจากนักบิดที่ยอดเยี่ยม ความสำเร็จจะเป็นไปไม่ได้เลย”

“จุดชี้วัดที่แท้จริงคือนักบิดที่ลงไปทำหน้าที่ในสนามแข่ง”

วีดีโอที่เกี่ยวข้อง 👇👇👇

เคทีเอ็ม เซ็นสัญญาดัน เรมี การ์ดเนอร์ ขึ้นไปบิด โมโตจีพี ร่วมกับ เทคทรี ในปีหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว