ยามาฮ่า นับเป็นหนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ของ โมโตจีพี มาอย่างยาวนาน ทว่ากลับไม่สามารถป้อนรถแข่งสเป็คล่าสุดให้นักบิดทั้ง 4 คนในพรีเมียร์คลาสได้ แม้ว่า ฟรานโก มอร์บิเดลลี จะเป็นนักบิดยามาฮ่าที่ผลงานดีที่สุดในปีที่ผ่านมาก็ตาม ต่างจาก ฮอนด้า, ดูคาติ และ เคทีเอ็ม ที่อัดสเป็คล่าสุด 4 คันให้นักบิดในสังกัด เพื่อล่าความสำเร็จในปี 2021 ไปเจาะเหตุผลนี้ด้วยกันครับ

มอร์บิเดลลี เป็นนักบิดยามาฮ่าเพียงคนเดียวในปี 2021 ที่ไม่ได้รับโอกาสให้บิดรถแข่ง M1 สเป็คล่าสุด โดยเขาจะยังคงใช้รถแข่ง ‘A-spec’ M1 จากปีที่ผ่านมา แตกต่างจาก 2 นักบิดทีมโรงงานอย่าง มาเวริค บีญาเลส และ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร รวมถึงทีมเมทในรั้ว ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที อย่าง วาเลนติโน รอสซี่

การตัดสินใจนี้ของ ยามาฮ่า เกิดขึ้นแม้ว่า มอร์บิเดลลี จะคว้าชัยชนะ 3 จาก 7 ครั้ง ของนักบิดยามาฮ่าทั้งหมดในปีที่ผ่านมา และคว้ารองแชมป์โลกด้วยแต้มตามหลัง โจอัน เมียร์ เพียง 13 คะแนน แถมยังทำอันดับเหนือ บีญาเลส นักบิดทีมโรงงานที่ได้โควต้า M1s เป็นคนแรกอยู่ถึง 4 อันดับก็ตาม

จากการให้สัมภาษณ์ของ ลิน ยาร์วิส บอสใหญ่ของ ยามาฮ่า โมโตจีพี ในงานเปิดตัวของ มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาได้อธิบายถึงเหตุผลในการตัดสินใจไม่ป้อนรถแข่งเวอร์ชั่นล่าสุดให้กับ มอร์บิเดลลี แม้จะประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมาก็ตาม

“การป้อนรถแข่งสเป็คต่างๆ ให้นักบิดแต่ละคน เป็นการเลือกของ ยามาฮ่า และ ทีม แต่ผลกระทบด้านการเงินก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกสเป็ครถแข่งที่คุณมีด้วย” ยาร์วิส เผย

“ราคาของรถแข่งโรงงานจริงๆ แพงกว่ารถแข่ง A-Spec หลายเท่า แถมยังติดปัญหาด้านเวลาเมื่อคุณต้องสั่งซื้อวัสดุต่างๆ ด้วย”

“เราเจอวิกฤติ โควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่าปัญหานี้สร้างแรงกดดันอย่างมากกับผู้สนับสนุน รวมถึงสร้างปัญหาให้ยามาฮ่า และองค์กรต่างๆ ดังนั้น เราจึงไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดีที่สุด”

“การตัดสินใจเกี่ยวกับสเป็ครถแข่งของ มอร์บิเดลลี เกิดขึ้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และมันก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเดือนตุลาคม หรือ พฤศจิกายน”

“ถามว่า แฟรงกี้ คู่ควรกับการบิดรถแข่งสเป็คสูงสุดไหม? คำตอบคือ ใช่”

“แล้วมันก็เป็นไปได้ไหม? โชคไม่ดีที่คำตอบคือ No”

“แต่ก็อย่างที่คุณเห็น รถแข่ง A-Spec มีศักยภาพใกล้เคียงกับรถโรงงานมาก และมันก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน แถมในปี 2021 ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เครื่องยนต์ก็ถูกแช่แข็งการพัฒนาด้วย”

“ดังนั้น คุณจะสามารถนึกภาพออกว่า รถแข่งยามาฮ่าทุกคันในปีนี้จะมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน 

ทั้งนี้ รถแข่งของ มอร์บิเดลลี จะมีพื้นฐานมากจาก M1 2019 ซึ่งทั้ง บีญาเลส และ กวาร์ตาราโร ต่างก็ลงความเห็นว่ามีศักยภาพดีกว่า M1 2020

และด้วยผลงานที่สม่ำเสมอของ มอร์บิเดลลี ในปีที่ผ่านมา ทำให้ มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้อำนวยการทีม มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ยอมรับว่ารถโรงงานในปีนี้ จะมีข้อมูลด้านเทคนิคใกล้เคียงกับรถแข่งของนักบิด ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที มากขึ้น

“เราต้องเจอปัญหาเรื่องการยึดเกาะ (Grip) อย่างมาก หรือในบางครั้งเราก็ไม่สามารถจะเซ็ตอัพรถแข่งให้เข้ากับสนามต่างๆ ได้เลย” เมเรกัลลี กล่าว

“จากปัญหานี้ เราพยายามอย่างหนักในการทำงานเพื่อสร้างสมดุลย์ให้กับรถแข่ง M1”

“แน่นอนว่าปีที่แล้วเราทำมันได้ โดยเฉพาะในญี่ปุ่น พวกเขาสามารถทำความเข้าใจถึงจุดอ่อนของรถโรงงานได้ รวมถึงการดึงจุดแข็งจากรถแข่งของ แฟรงกี้ มาใช้”

“ดังนั้น เพื่อที่จะผสานมันเข้าด้วยกัน ทีมวิศวกรที่ญี่ปุ่นกำลังทำงานกันอย่างจริงจัง”

ด้าน มอร์บิเดลลี กล่าวถึงการที่เขายังคงต้องใช้รถแข่งสเป็คเดิมว่าการเก็บรถแข่ง ‘A-Spec’ ของเขาที่ใช้ในปีนี้ไว้สำหรับฤดูกาล 2021 จะไม่ได้สร้างข้อได้เปรียบให้กับตนเอง แม้ว่ารถแข่ง M1 2020 จะประสบปัญหาอย่างหนักก็ตาม

จากปัญหาที่เหล่านักบิดทีมโรงงานยามาฮ่าเจอในปี 2020 ทำให้ มอร์บิเดลลี รู้สึกว่าการรักษา “แพ็คเกจ” ปัจจุบันอาจจะไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับเขา หากเทียบกับความคงเส้นคงวาที่เขามีในปีนี้ กับการที่จะไม่สามารถพัฒนาต่อได้อีก

“ไม่นะ, เพราะรถแข่งใหม่สามารถพัฒนาได้” มอร์บิเดลลี ตอบหลังจากที่ถูกตั้งคำถามว่า “ควรเก็บรถแข่ง A-Spec” ของปีนี้ไว้ใช้ในการแข่งขันฤดูกาล 2021 หรือไม่ และมันจะช่วยทำให้เขามีโอกาสสร้างผลงานเหนือนักบิดที่ใช้รถโรงงานหรือไม่?

“คุณสามารถทำงานกับมันได้ (รถใหม่) และคุณก็สามารถที่จะพัฒนามันได้ รวมถึงสามารถที่จะโมดิฟายมันได้หลายอย่าง เพราะรถโรงงานจะทำงานไปในทิศทางของการพัฒนา”

“รถแข่งของผมก็เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งผมจะเป็นต้องรีดสมรรถนะสูงสุดของมันออกมาจากแพ็คเกจ”

“แน่นอนว่ามันจะมีชิ้นส่วนบางอย่าง ที่ผมสามารถรับจากโรงงาน และพยายามปรับให้เข้ากับรถของผมได้”

“แต่ก็อย่างที่ผมบอกเสมอว่ารถแข่งตัวล่าสุดคือรถแข่งที่ดีที่สุด เพราะคุณจะได้รับการออกแบบใหม่ และสิ่งใหม่ๆ จากโรงงานในแพ็คเกจนั้นๆ ซึ่งมันถูกทำงานภายใต้การพัฒนาเพื่อความเติบโต”

“รถใหม่และรถรุ่นใหม่ล่าสุด คืออะไรที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด (ในแง่ของการพัฒนา) ขณะที่รถแข่งของผมถือเป็นตัวที่ได้ประโยชน์ในแง่ของการพัฒนาน้อยที่สุด”

เมื่อถามว่า “เขาจะแฮปปี้ไหม” ที่ยังคงใช้รถแข่ง “A-Spec” ในปีหน้า, มอร์บิเดลลี ตอบว่า “ใช่ครับ มันโอเค”

ทั้งนี้ มอร์บิเดลลี จะอยู่กับ ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ไปอย่างน้อย 2 ฤดูกาล โดยในปีหน้าเขาจะได้ลงบิดเคียงข้างอาจารย์ของเขาอย่าง วาเลนติโน รอสซี่ ที่ได้รับการซัพพอร์ตจากทีมโรงงานยามาฮ่า ในปี 2021

Rossi, Morbidelli, San Marino MotoGP 2019